หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความเชื่อของคริสเตียนเกย์ เลสเบี้ยน คนแปลงเพศ Transgendered Christians


การใช้พระคัมภีร์เพื่อสนับสนุนความเชื่อของคริสเตียนเกย์ เลสเบี้ยน คนแปลงเพศ

Advocacy Criticism of

Gay and Lesbianism and Trans-gendered Christian Groups

        ปัจจุบันคริสต์ศาสนาได้แผ่อิทธิพลเข้าสู่ทวีปต่างๆ ทั่วโลก  มีคริสเตียนหลายคณะ หลายนิกาย แต่ละคณะนิกายมีหลากหลายทั้งความเชื่อและการปฎิบัติศาสนกิจ  คณะต่างๆ มีความแตกต่างกันไปตามความคิด ความเชื่อ และการตีความหมายของพระคัมภีร์  แต่ละฝ่ายแต่ละคณะต่างอ้างคำสอนตามพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตามการตีความหมายและการปรับใช้ข้อพระธรรมต่างๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่คณะหรือกลุ่มของตนเพื่อหาแนวร่วม หาพรรคพวกเพื่อพวกเขาจะสามารถขยายเครือข่ายคณะของตนให้เพิ่มมากขึ้นอันจะนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของคณะของตน
        ในพระธรรมโรมบทที่ 1 ข้อที่ 24-27 ท่านเปาโลผู้เป็นอัครฑูตของพระเยซูคริสต์ได้กล่าวต่อต้านการปฎิบัติที่ผิดไปจากธรรมชาติหรือพระประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเพศไว้ดังนี้



    “เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขาให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน 25เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ   และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้   แทนพระองค์ผู้ทรงสร้างผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน  26เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ   พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากการสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป 27ฝ่ายผู้ชายก็เลิกการสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกันและเร่าร้อนด้วยไฟแห่งราคะตัณหาที่มีต่อกัน  ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันชั่วช้าอย่างน่าละอาย  เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา”

    ในพระธรรมจากหนังสือโรมตอนนี้ท่านเปาโลได้กล่าวประณามการพฤติกรรมทางเพศของพวกรักร่วมเพศอย่างรุนแรง และเป็นข้อพระธรรมที่กล่าวโทษพวกรักร่วมเพศทุกประเภทอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่มีการออมชอบแต่อย่างใด  แต่อย่างไรก็ตามพวกรักร่วมเพศประเภทต่างๆ  ก็ไม่ยอมแพ้ต่อการต่อต้านของศาสนจักร และคณะนิกายต่าง  พวกเขาพยายามสร้างเงื่อนไขและข้ออ้างต่างๆ ในการที่พวกเขาจะมีอิสระในการประกอบศาสนกิจ  หรือมีกิจกรรมเกี่ยวกับศาสนาคริสต์  โดยมีการชักจูงโน้มน้าวพวกรักร่วมเพศที่ถูกปฎิเสธจากศาสนจักรคณะต่างๆ ซึ่งได้แก่  โรมันคาทอลิก นิกาย โปรเทสแตนท์   คริสต์จักรที่เรียกชื่อต่างๆ กันไป  รายงานนี้ใคร่นำเสนอแนวคิดของพวกรักร่วมเพศ ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มต่างๆ พอสังเขปดังต่อไปนี้

       คริสต์เตียนนิกายต่างๆ  ได้ตั้งกลุ่มของพวกเขาโดยมีชื่อเรียกต่างๆ กันไป ได้แก่ Dignity, Courage, C.A.I Groups (Coalition on Sexual Orientation) และ ฯลฯ  กลุ่มต่างๆ มีอยู่ทั่วไปทุกมุมโลก  ในสังคมไทย พวกตุ๊ด พวกเกย์ ทอม ดี้ และที่เรียกชื่ออย่างอื่นอีกหลายอย่าง  อาจดูเหมือนว่าพวกรักร่วมเพศในประเทศไทยไม่ค่อยมีปัญหามากนั้นในปัจจุบันเนื่องจากได้รับการยอมรับมากขึ้นในสังคม   พวกรักร่วมเพศสามารถมีอาชีพการงานที่ดี บางคนเป็นถึงอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์สอนมหาวิทยาลัย ยังสามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพวกรักร่วมเพศได้  ในต่างประเทศพวกรักร่วมเพศในหลายประเทศ ถูกปฎิเสธจากศาสนจักร เพราะถือว่าทำผิดหลักข้อเชื่อ พวกรักร่วมเพศต่างๆ จึงพยายามสร้างคริสตจักรของพวกเขาขึ้นเอง  พวกเขาสร้างแนวคิดแรงจูงใจในการสร้างคริสตจักรของพวกเขา พอสังเขปดังนี้

    เป้าหมายของคริสตจักรของชาวรักร่วมเพศ
   
    1.  เราแสวงหาการยอมรับอย่างจริงใจสำหรับ เลสเบี้ยน  เกย์  รักร่วมเพศแบบไบเซกชวล, คนแปลงเพศ  ในคริสตจักรของเรา
    2.  เราเป็นคริสตจักรแห่งพระพรสำหรับผู้ที่มีความรักในเพศเดียวกันอย่างถูกต้องตามหลักศาสนศาสตร์
    3. พวกเราดำเนินการให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสอนและท่าทีของคริสตจักรอื่นๆ ที่ตั้งข้อรังเกียจชาวรักร่วมเพศ
    4. พวกเราให้โอกาสอย่างเท่าเทียมกันสำหรับชาวรักร่วมเพศในการรับใช้  การเป็นได้รับศาสนศักดิ์
    5. พวกเรายินดีตอนรับทุกคนผู้ซึ่งต้องการแบ่งปันเป้าหมาย และอยากร่วมงานกับเราเพื่อสร้างความตระหนักเรื่องรักร่วมเพศในคริสตจักร

    หลักข้อเชื่อหรือข้อโต้แย้งของพวกรักร่วมเพศ

    ชาวรักร่วมเพศยึดมั่นในหลักคริสตจักรที่เป็นสากล และไม่มีการแบ่งแยก (Vincentian Canon) เราเชื่อมั่นในคำสอนของศาสนจักรอันเป็นสากลตั้งแต่คริสตจักรโรมันอันเป็นคริสตจักรเริ่มแรก  เราไม่ปฎิเสธธรรมเนียมและคำสั่งสอนอันตกทอดมาก  แต่เราเชื่อมันในความเป็นปัจเจกบุคคลที่สามารถจะเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามเสรีภาพแห่งการนับถือศาสนา ความเชื่อต่างๆ  แต่ยังคงยึดมั่นในความรอดแห่งพระคริสต์ผ่านทางความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์
    คริสตจักรของเรามีชีวิตอยู่ในพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า จงรัก
พระเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์ พวกเราไม่ตัดสินความผิดถูกของกันและกัน  เรายอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ ไม่ใช่อย่างที่ใครๆ คาดหวังให้เขาเป็น  เหมือนดังเช่นพระเยซูได้ทรงกระทำมาแล้ว  เรายอมรับนับถือคำสอนตามคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ  แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการแปลและตีความหมายของคัมภีร์นั้นยังไม่สมบูรณ์ เนืองจากความรู้ของมนุษย์ยังไม่สมบูรณ์ดีพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดพระคัมภีร์ด้วยภาษาอาระเมก และภาษากรีกโบราณ  และต่อมามีการแปลสืบต่อกันมาเป็นทอดๆ  ทำให้ความหมายของพระคัมภีร์หลายๆ ข้อกลายเป็นความเข้าใจใหม่  ทำให้เกิดความยุ่งยากและแตกต่างทางความคิดหลายประการ  พวกเรายึดมั่นในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความจริง แต่พวกเราเชื่อว่าการตีความหมาย การแปลความอาจก่อให้เกิดความเชื่อใหม่ๆ ซึ่งเป็นการตัดสินพวกรักร่วมเพศ และไม่สนับสนุนความสัมพันธ์ของพวกเราในสมัยของเรานี้
   
    ความเข้าใจของชาวรักร่วมเพศเกี่ยวกับการร่วมตัวกัน พวกเขาพยายามโฆษณาชักชวนฝูงชนให้เข้าร่วมโดยใช้ข้อความ จากคำกล่าวของท่านบารัค  โอบาม่า ดังนี้
    “การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นถ้าพวกเรามัวแต่คอยให้คนอื่นทำ หรือคอยเวลาไปเรื่อยๆ  ชาวรักร่วมเพศคือผู้ที่คณะของเรารอคอยมานาน คณะของเราคือสิ่งที่ทุกคน
รอคอย”
   
การปกป้องความคิดเรื่องเพศของชาวรักร่วมเพศ

    ชาวรักร่วมเพศเชื่อว่าเรื่องราวในพระคัมภีร์เป็นเพียงการบิดเบือนความจริงของนักแปลพระคัมภีร์ ที่มีจิตใจลำเอียง  ไร้เหตุผล  ในพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 19 ที่กล่าวถึงเมืองโสโดม ไม่เป็นเพียงเรื่องของชาวรักร่วมเพศเท่านั้น  มันเป็นเรื่องของความผิดบาปในเรื่องการรับรองแขก ในหนังสือเลวีนิติบทที่ 18.22 และบทที่ 20.13 ได้กล่าวไว้ดังนี้ 

“เจ้าอย่าสมสู่กับผู้ชายใช้ต่างผู้หญิง เป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน”
“ถ้าชายคนใดคนหนึ่งหลับนอนกับผู้ชายด้วยกันเหมือนอย่างที่เขาหลับนอนกับผู้หญิง
  ทั้งสองคนก็ได้กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งสองคนนั้นจะต้องถูกประหารให้ตายอย่าง
  แน่นอน ให้โลหิตของผู้นั้นตกอยู่บนผู้นั้นเอง”   
   
    การกล่าวต่อต้านชาวรักร่วมเพศนั้นเป็นเพียงข้อห้ามในศาสนายูดายเท่านั้น ทำไมคริสเตียนจึงต้องนำเพียงเฉพาะบางเรื่องมาถือปฏิบัติ อาทิเช่น การถวายสิบลด  การถวายผลแรกไม่ค่อยกล่าวถึง  การทำไมชาวคริสเตียนจึงถือข้อห้ามตามศาสนายูดายทั้งที่พวกเขาไม่ใช่ยิว  และพวกคริสเตียนก็ไม่จำเป็นต้องถือบัญญัติตามหนังสือข้อห้ามตามศาสนายิว

    ในพระคัมภีร์ ยอห์นบทที่ 13.23 ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของพระเยซูกับสาวกของพระองค์คนหนึ่งดังนี้
   
“มีสาวกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักได้เอนกายอยู่ที่พระทรวงของพระเยซู”

และในพระธรรมลูกาบทที่ 7.1-5 กล่าวว่า

“เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมือง
คาเปอรนาอุม 2มีผู้รับใช้ของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว 3เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้ผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอนเชิญพระองค์เสด็จมารักษาผู้รับใช้ของตน 4เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า "นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน 5เพราะว่าท่านรักชนชาติของเราและท่านได้สร้างธรรมศาลาให้เรา"

    จากข้อพระธรรมทั้งสองตอนนี้ชาวรักร่วมเพศได้ตีความหมายสนับสนุนความเชื่อของพวกเขาว่า การที่พระเยซูเอนกายกับสาวกของพระเยซูนี้ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจกันอย่างผิวเผิน  แต่ผู้สอนชาวรักร่วมเพศได้กล่าวอ้างว่า  คำว่า สาวกที่พระองค์ทรงรักนี้ เป็นคำที่ใช้ในภาษากรีกที่มีความหมายคล้ายๆ กับคำว่า “Boy friend” ในภาษาอังกฤษ  และในพระธรรมอีกตอนหนึ่งในพระธรรมลูกา ในเรื่องที่นายร้อยไปอ้อนวอนพระเยซูให้รักษาความเจ็บป่วยของทาสชายของเขานั้น เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในสมัยนั้นว่า ทาสชายมักจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายอยู่แล้ว จึงถือว่า เรื่องรักร่วมเพศมีอยู่ในพระคัมภีร์ใหม่ และพระเยซูคริสต์อาจไม่สนใจเรื่องนี้มากไปกว่า  การมีความเชื่อในพระเจ้า และการมีความรักในเพื่อนมนุษย์ 
    นอกจากนี้ชาวรักร่วมเพศมักจะกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนม กันระหว่างเพศเดียวกันที่ปรากฏในพระคัมภีร์เดิมในเรื่องของนาง นาโอมี และนางรูธ  เรื่องของกษัตริย์ดาวิด กับเจ้าชายโยนาธาน ราชบุตรของกษัตริย์ซาอูล  

    นอกจากนี้การที่ท่านเปาโลกล่าวไว้อีกครั้งหนึ่งในพระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 6.9   ดังนี้

“ท่านไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี คนถือรูปเคารพ คนผิดผัวเมียเขา คนนิสัยเหมือนผู้หญิงหรือคนที่เป็นกะเทย”

    ในการกล่าวอ้างจากพระธรรมตอนนี้ชาวรักร่วมเพศ เชื่อว่าเป็นเพียงการกล่าวตำหนิคนชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรรมส่ำสอนทางเพศมากกว่าการกล่าวตัดสินคนที่เกิดมาเป็นรักร่วมเพศโดยกำเนิด ชาวรักร่วมเพศต้องใช้วิจารณญานในการยอมรับข้อโต้แย้งของท่านเปาโลด้วย
           
     สรุป

    การพิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ  การปฏิบัติตน การปฏิบัติศาสนพิธีต่างๆ ตามการอ้างอิงตามพระคัมภีร์ของแต่ละคณะ แต่ละนิกายเป็นสิ่งที่มีที่มาที่ไป  มีข้ออ้างอิงจากหลายแหล่ง   แต่ข้ออ้างที่มีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือมากย่อมมาจากการอ้างอิงจากหนังสือพระคริสต์ธรรมคัมภีร์  คริสเตียนแต่ละคณะ แต่ละนิกายล้วนได้รับคำสอนมาจากหนังสือเล่มเดียวกันแต่ผู้ถ่ายทอดความรู้  ความเชื่อมากจากหลายแหล่ง  หลายสำนัก
และแต่ละสำนักอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านมีความรู้ทางศาสนศาสตร์ไม่เท่ากัน การตีความหมายของพระคัมภีร์ใช้หลักการอาจจะไม่เหมือนกัน  บางคนเน้นรากศัพท์ทางภาษา  การศึกษาเปรียบเทียบ การค้นคว้าจากเอกสารทางประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์นอกสารบบ  บางท่านตีความหมายตามความเห็นดีเห็นชอบตามความคิด ตามความรู้  ตามประสบการณ์ของตนเอง  และยังมีคนอีกหลายพวกที่ไม่ค่อยมีความรู้ ไม่ค่อยมีการศึกษา  ไม่ได้รับคำสอนที่เที่ยงตรงแน่ชัดและเป็นความจริง   
    คนทั้งสองจำพวก คือ พวกรู้ และพวกที่ไม่รู้  เมื่อมีการตีความหมายของพระคัมภีร์จึงมีความแตกต่างกันไปต่างๆ นานา ตามความคิดเห็น  ความรู้พื้นฐาน สติปัญญา  ตามความรู้ที่ได้รับจากสถาบันพระคริสต์ธรรม  คณะนิกาย  หลักข้อเชื่อแห่งจารีตนิยม  ตามจินตนาการของตนเอง ผิดบ้างถูกบ้าง เหมือนตาบอดคลำช้าง  
    การศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่มีอายุมากเกือบๆ สี่พันปี   ความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา  วัฒนธรรม  ศาสนสถานตามประวัติศาสตร์  หลักฐานทางประวัติศาสตร์  นอกจากนี้ยังมีคนอีกจำพวกหนึ่งที่แปลกแยกไปกว่าที่กล่าวมา  คือคนพวกที่ใช้พระคัมภีร์เพื่ออ้างอิงสนับสนุนความประพฤติที่ผิดเพี้ยนเพื่อให้เกิความชอบธรรมของตน   ตามความเชื่อของพรรคพวกของตน  เพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกของตน   การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เกิดความยุ่งยาก  สับสน และการแตกแยกทางความเชื่อไปมากขึ้น  ดังนั้นการศึกษาพระคัมภีร์ให้รู้กระจ่างและการพึงพาพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยให้การตีความหมายพระคัมภีร์ได้ถูกต้องและนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ของชีวิตในแต่ละด้านได้อย่างเหมาะสม 
    ผู้เขียนรายงานเชื่อว่าผู้รับใช้พระเจ้าที่ได้รับการฝึก  รับการสอนมาพอสมควร และเป็นผู้ที่ประกอบด้วย ความเชื่อศรัทธา ความรัก  ความเมตตา  มีของประทานในการ
สั่งสอน มีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์เป็นการส่วนตัวจะเป็นผู้ที่สั่งสอน ถ่ายทอดพระคัมภีร์ได้ตรงความหมายและเกิดผลมากที่สุด ขอพระเจ้าอวยพร เอเมน

                    Rice Mu.


แหล่งอ้างอิง ค้นคว้าเพิ่มเติม


C.A.I. is a member of COSO  http://www.changingattitudeireland .org/index.     html?_ret_=return

Changing Attitiude Ireland. http://www.changingattitudeireland.org     /index.html?_ret_=return

Homosexual group. Eccaustralia, http://www.eccaustralia.org/our_beliefs.html

Dr. Alan Sheard. Christianity and Homosexuality  http://www.lgcm.org. uk/     bible/bible.htm

Neil Dawson. Difference Is not a Sin. http://www.lgcm.org.uk/bible/bible2.htm

LGBT: http://www.whosoever.org/v2Issue2/starchild.html






   

3 ความคิดเห็น:

  1. พวกบิดเบือน แปลตัวอักษรเข้าข้างตนเอง บาปจริง ๆ

    ตอบลบ
  2. ผมไม่รู้หรอ ว่า บาป หรือ ไม่ บาป แต่ สิ่ง ที่ ผม รู้ คือ ผม พอใจ กับ สิ่งที่เป็น แต่ มีคำสอนว่า มันบาปเลย ทำให้ผม รังเกียจตัว เอง ได้แต่อธิษฐาน ขอ การทรงนำ จาก พระเจ้า แล้ว แต่ พระเจ้า จะ ทรง นำ เรา ไป เพราะ มันเป็น ความรู้สึก หลายคน อาจะ บอก ว่า เรา บังคับได้ จริง แต่ ถ้า ผม ไป แต่ง งาน กับ ผู้หญิง ทั้งทั้งที่ผมไม่ ได้ รัก เขาและ ผม ก็ไม่ ได้นอกใจ เธอ จนที่สุด เธอ ทราบ ว่า ผม เป็น เกย์ เธอ จะ รู้สึก อย่างไร แบบนี้ เรียก ว่าบาป ไหม

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อเมษายน 30, 2562

    ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา
    ถ้าศรัทธาแล้วไปละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นก็เรียกว่า"งมงาย"

    ตอบลบ

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ