A page where local evangelists can share experience in doing God's work. ศูนย์ผู้ประกาศข่าวประเสริฐชาวไทย บันทึกการไปประกาศข่าวดีและประสบการณ์ในฤทธิอำนาจแห่งพระนามของพระเยซูคริสต์ ดูเว็บของเราที่ www.idmt.org
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ความเห็นมั่วๆ แบบต่างคนต่างคิด มุมมองจากหนังสือเล่มเดียวกัน แต่ต่างกันราวฟ้ากับดิน
เนื่องจากเนื้อที่ไม่ค่อยพอ สำหรับการโต้เถียงและปะทะคารมระหว่าง พวกคริสต์ที่เชื่อเรื่องฤทธิ์เดชของพระวิญญาณพระเจ้ากับพวกไม่เชื่อ ผมในฐานะคนดูแลเว็บบล๊อคแห่งการประกาศ จึงขอนำเอาข้อโต้แย้งของคนไม่เชื่อเรื่องการเจิมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้ามาให้ คนที่สนใจเรื่องนี้ได้อ่านดูแนวคิด ของพวกต่อต้านดูบ้าง
.......................................
การฟื้นฟูจิตวิญญาณจริงหรือ? ตอน : ล้มในพระวิญญาณ!
“การฟื้นฟูในรูปแบบใหม่! เชิญรับการสัมผัสจากพระเจ้า
การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคริสเตียนของท่าน
โดยทีมงานของคริสตจักรที่มีการฟื้นฟูทุกคนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานับปี
และเป็นสื่อของการฟื้นฟูไปทั่วโลก”
นี่เป็นคำโฆษณาเชิญชวนให้คริสเตียนไปร่วมประชุมฟื้นฟูเพื่อ “ล้มในพระวิญญาณ!”
ระหว่างที่มีการฟื้นฟู คนก็นิ่งไปและไหลลงไปนอนราบกับพื้น บางคนกระตุก บางคนส่งเสียงแปลกๆ...คนที่ได้รับการอธิษฐานส่วนมากจะล้มลงไปนอนกับพื้น การล้มลงไปนอนแบบนี้เรียกว่า การพักในพระวิญญาณ
คนที่มาอธิษฐานให้นั้นจะมีผู้ช่วยอีกคนหนึ่งมายืนด้านหลัง เพื่อรับคนที่มักจะล้มลงเมื่อรับการอธิษฐาน คนที่รับการอธิษฐานจะมีบางคนที่ยืนเฉยๆ หรือยืนสั่น แต่ส่วนใหญ่จะล้มลงไปนอนสงบ จะมีบางคนนอนหัวเราะ บางคนก็ไม่มีแรงลุกขึ้นจากพื้น เป็นเวลานานหลายชั่วโมง
การฟื้นฟูแบบนี้มาจากพระเจ้าหรือจากผีมารซาตาน?
มีคำถามว่า การประชุมแบบนี้ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระคัมภีร์หรือไม่? เพราะในโลกทุกวันนี้มีวิญญาณเท็จจำนวนมากที่เร่ร่อนไปทำการอัศจรรย์ต่างๆ โดยแอบอ้างพระนามของพระเยซูคริสต์ หรือเป็นเพียงการชักจูงหรือเร้าอารมณ์ เป็นการอาศัยวิชาทางด้านจิตวิทยาไหม? หรือว่ามีการตรียมการมาเพื่อแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น โดยมีการจัด “หน้าม้า” มาทำให้มันดูเหมือนจริงและน่าเชื่อถือ!
กลุ่มฟื้นฟูฯอ้างว่า เมื่อมีการสำแดงจากพระเจ้าจะมีการล้มลง สาเหตุแห่งการล้มลงได้แก่
- พวกเขากลัวในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า
- เพื่อเป็นการบังคับให้นอน อันเนื่องมาจากความเย่อหยิ่งและกบฏของมนุษย์
- เพื่อให้พักผ่อนหรือรับการรักษา
- การล้มไปข้างหลังอันเนื่องมาจากน้ำหนักพระสิริของพระเจ้า
คำกล่าวอ้างเหล่านี้ฟังเข้าทีดี แต่ว่าเราต้องหาหลักฐานที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ มีบ้างไหมที่พระวจนะของพระเจ้ากล่าวถึงเรื่องเหล่านี้?
ข้อสังเกต : กลุ่มฟื้นฟูฯ(ผงทองคำ)เหล่านี้มักจะอ้างพระคัมภีร์ตอนหนึ่งว่า “มีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ ถ้าจะเขียนไว้ให้หมดทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคาดว่า แม้หมดทั้งโลกก็น่าจะไม่พอไว้หนังสือที่เขียนนั้น” (ยน. ๒๑.๒๕) พวกเขาก็เลยตีความว่า การอัศจรรย์บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นในสมัยพระคัมภีร์ แต่ไม่ได้บันทึกไว้!
ถ้าเป็นซะอย่างนี้แล้ว ก็เท่ากับพูดว่า พระคัมภีร์ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นะซิ?
โอ...ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว พี่น้องเอ๋ย!
...........ล๊อกสอง ผมคิดว่าคงเป็นนักเขียนคนเดียวกัน ................
มาว่าเรื่องสโลแกนของเขา “รอด รวย สวย ดัง”
แหม มันทันสมัยเปรี๊ยะเลย (เหมือนกับพวกร้านเสริมสวยเพื่อแต่งเติมความงามให้แก่สาวๆ “ขาว สวย หมวย
อึ๋ม”) พอเข้าใจได้ในคำแรก คือ “รอด” ใครที่เข้ามาเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาคนนั้นรอดพ้นจากความบาปและมีชีวิตนิรันดร์แล้ว (ยน. ๓.๑๖, รม. ๖.๒๓)
คำที่สอง “รวย” คำนี้สามารถตีความหมายได้สองอย่างคือ (๑) ร่ำรวยฝ่ายโลกนี้ เป็นไปได้ที่พระเจ้าจะให้คริสเตียนเป็นคนที่มั่งมี แต่ก็มีคำเตือนให้ระมัดระวังด้วยว่า อย่าไปหลงรักเงินทอง มันจะทำให้เกิดความโลภและตรอมตรมด้วยความทุกข์ และห่างไกลจากความเชื่อ” (๑ ทธ. ๖.๑๐) ส่วนใหญ่แล้วพระคัมภีร์สอนให้ผู้เชื่อมีชีวิตอยู่แบบพอเพียง และ (๒) ร่ำรวยในสวรรค์ เรื่องนี้พระคัมภีร์พูดไว้มากมายทีเดียว พระเจ้าได้จัดเตรียมบำเหน็จ มรดก สิ่งที่ดีที่สุดไว้สำหรับลูกของพระองค์ เป้าหมายของคริสเตียนไม่ได้อยู่ที่โลกนี้ แต่อยู่ที่สวรรค์
คำที่สาม “สวย” ตรงนี้เข้าใจยากนิดหน่อย เพราะสวยอาจจะหมายถึงการแต่งกายสวย เสื้อผ้าราคาแพง ประดับประดาเพชรนิลจินดา ใช้เครื่องสำอาง พอกหน้า ดึงหน้า เหลาคาง ทำตาสองชั้น เสริมดั้งจมูก ขัดสีผิวให้มันขาวเนียล ใส่บิ๊กอายให้ดูตาโตมีประกาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “อนิจจัง” เท่านั้น
ผมเข้าใจว่า “สวย” น่าจะมีความหมายถึงความงามในจิตใจและจิตวิญญาณของคริสเตียนมากกว่า เพราะถ้าพระเจ้ามองก็ดีกว่ามนุษย์มอง จริงไหม? พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าไม่ได้ทอดพระเนตรที่รูปร่างภายนอก แต่ทอดพระเนตรภายในจิตใจ (๑ ซมอ. ๑๖.๗)
คำสุดท้าย “ดัง” มาถึงตรงนี้ผมก็จนด้วยเกล้า(แหะๆ) พระเจ้าต้องการให้คุณเป็นคนดังไหม? ประเภทซุปเปอร์สตาร์ idol อะไรทำนองนั้น?
อาจจะเป็นไปได้ว่า เมื่อคุณเป็นคริสเตียนแล้ว ประกาศ เป็นพยาน สอนพระคัมภีร์และเทศนาเก่ง นำคนมารับเชื่อพระคริสต์ ตั้งคริสตจักรขึ้น ขยายคริสตจักรออกไป หรือส่งคนไปเป็นมิชชันนารียังต่างประเทศฯ ผู้คนก็เลยรู้จักคุณ และคุณก็เลยกลายเป็นคนเด่นคนดังไป
นี่ผมเดาเอานะ ถ้าใครรู้ความหมายขอช่วยบอกผมที!.
.......................ฉบับที่สาม คิดว่ามาจากแหล่งเดียวกันอีก......
รอด รวย สวย ดัง!
ชื่อของบทความนี้ได้มาจากสโลแกนของคริสตจักรแห่งหนึ่งแถวปทุมธานี
เป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับท้องฟ้า ซึ่งเชื่อว่าแฟนของไทยเซอร์มอนเราหลายคนได้เข้าไป
เยี่ยมชมแล้ว ผมเองวันก่อนก็พอมีเวลาว่างนิดหนึ่ง ก็เลยแว๊บเข้าดูกับเค้าหน่อย
โดยทั่วไปแล้ว เราต้องยอมรับว่าคริสตจักรแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาน่าทึ่งอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะตัวศิษยาภิบาลเองที่เริ่มต้นงานรับใช้พระเจ้าทางภาคอีสาน แบบล้มลุกคลุกคลาน ชนิดจะไปรอดแหล่หรือไม่รอดแหล่ก้ำกึ่งกัน ดูเหมือนว่าท่านยากจนค่นแค้นเหลือเกิน แต่ด้วยการอธิษฐานและความอดทน ท่านอธิษฐานขอเงินจากพระเจ้า ๕๐๐ บาทแต่พระองค์ไม่ไห้ จึงเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ว่า ขอพระเจ้าทรงเลี้ยงในแต่ละวันก็แล้วกัน อา..จึงรอดมาได้
จับผลัดจับผลูมาเริ่มงานประกาศที่แถวปทุมธานี เริ่มต้นต้นด้วยสมาชิกเพียง ๒ คน เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นเป็น ๑๕๐ คน ที่สำคัญคือเขาบอกว่า เดี๋ยวนี้คริสตจักรแห่งนี้ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภายนอกเลย เป็นคริสตจักรที่สามารถเลี้ยงตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ
ปัจจุบันศิษยาภิบาลรับเงินเดือนๆละ ๓ แสนบาท (นับไม่ผิดครับ เลขสามนำหน้าและตามด้วยเลขศูนย์อีก ๕ ตัว)
เงินเยอะดีครับ ยังไม่เคยได้ยินว่า คริสตจักรไหนในประเทศไทยให้เงินผู้รับใช้มากมายขนาดนี้
แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าท่านเอาเงินจำนวนมหาศาลนี้ไปทำอะไรนักหนา
เล่นเอาผู้รับใช้ที่กระจอกงอกง่อยตามชนบทตาลุกวาวเชียว!!
แน่นอน ถ้าเราเน้นแต่เรื่องเงิน เราก็จะได้เงิน ไม่ผิดหรอกที่จะได้เงินมาโดยสุจริต แต่มันจะผิดเมื่อคุณให้น้ำหนักของมันมากกว่าพระเจ้า และจะยังผิดไปใหญ่เมื่อคุณใช้พระเจ้าเป็นช่องทางทำเงิน(ทำมาหารับประทาน) พระคัมภีร์บอกว่าบางคนถือว่า “พระคือกระเพาะ” คนไทยรู้จักดีในนาม “มารศาสนา”
วันก่อนไปแวะร้านขายหนังสือ เจอะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ทันทีที่เห็นเขาผมก็กระโดดใส่และพูดขึ้นว่า “อาจารย์รู้ไหม มีคริสตจักรแห่งหนึ่ง เขาให้เงินเดือนผู้รับใช้ของพระเจ้าเดือนละ ๓ แสนแน่ะ” (ผมยิ้มๆและนึกใจในว่า “เอ็งคงจะอิจฉาเขาล่ะสิ”-ฮา)
มาคิดถึงตัวผมเองเป็นผู้รับในฐานะศิษยาภิบาล ทำงานรับใช้มามากกว่า ๓๐ ปีทั้งในองค์กร องค์การและคริสตจักร มีโบสถ์ที่อยู่ในเครือข่ายที่ผมต้องดูแล ๑๒ แห่ง ทั้งเขียนหนังสือมากมายหลายสิบเล่ม จัดทำเว็บไซต์ www.thaisermons.com สำหรับคริสเตียนระดับผู้นำ มีคนเข้าเยี่ยมชมเว็บวันละ ๗๐๐-๑๐๐๐ คน แต่เงินเดือนของผมยังไม่เคยทะลุ ๒๐,๐๐๐ บาทเลย(ตัวเลขสองหมื่นบาทไม่ผิดแน่ครับ) และเงินเดือนจำนวนนี้ผมเองก็ยังรู้สึกว่ามากไป เพราะผมกินอาหารแค่มื้อละไม่เกิน ๕๐ บาท วันหนึ่งก็ใช้เงินเพียง ๑๕๐ บาท เดือนหนึ่งก็ตกราว ๔,๕๐๐ บาท ที่เหลือก็ซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นบางอย่าง ซึ่งก็ใช่ว่าจะต้องซื้อบ่อยๆทุกเดือน แล้วผมก็เลยยังมีเงินเหลือพอที่จะเจียดช่วยเจือจานคนอื่นที่ขัดสนต่อไป
แน่นอน ถ้าเราเน้นแต่เรื่องเงิน เราก็จะได้เงิน ไม่ผิดหรอกที่จะได้เงินมาโดยสุจริต แต่มันจะผิดเมื่อคุณให้น้ำหนักของมันมากกว่าพระเจ้า และจะยังผิดไปใหญ่เมื่อคุณใช้พระเจ้าเป็นช่องทางทำเงิน(ทำมาหารับประทาน) พระคัมภีร์บอกว่าบางคนถือว่า “พระคือกระเพาะ” คนไทยรู้จักดีในนาม “มารศาสนา”
วันก่อนไปแวะร้านขายหนังสือ เจอะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ทันทีที่เห็นเขาผมก็กระโดดใส่และพูดขึ้นว่า “อาจารย์รู้ไหม มีคริสตจักรแห่งหนึ่ง เขาให้เงินเดือนผู้รับใช้ของพระเจ้าเดือนละ ๓ แสนแน่ะ” (ผมยิ้มๆและนึกใจในว่า “เอ็งคงจะอิจฉาเขาล่ะสิ”-ฮา)
มาคิดถึงตัวผมเองเป็นผู้รับในฐานะศิษยาภิบาล ทำงานรับใช้มามากกว่า ๓๐ ปีทั้งในองค์กร องค์การและคริสตจักร มีโบสถ์ที่อยู่ในเครือข่ายที่ผมต้องดูแล ๑๒ แห่ง ทั้งเขียนหนังสือมากมายหลายสิบเล่ม จัดทำเว็บไซต์ www.thaisermons.com สำหรับคริสเตียนระดับผู้นำ มีคนเข้าเยี่ยมชมเว็บวันละ ๗๐๐-๑๐๐๐ คน แต่เงินเดือนของผมยังไม่เคยทะลุ ๒๐,๐๐๐ บาทเลย(ตัวเลขสองหมื่นบาทไม่ผิดแน่ครับ) และเงินเดือนจำนวนนี้ผมเองก็ยังรู้สึกว่ามากไป เพราะผมกินอาหารแค่มื้อละไม่เกิน ๕๐ บาท วันหนึ่งก็ใช้เงินเพียง ๑๕๐ บาท เดือนหนึ่งก็ตกราว ๔,๕๐๐ บาท ที่เหลือก็ซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นบางอย่าง ซึ่งก็ใช่ว่าจะต้องซื้อบ่อยๆทุกเดือน แล้วผมก็เลยยังมีเงินเหลือพอที่จะเจียดช่วยเจือจานคนอื่นที่ขัดสนต่อไป
มาว่าเรื่องสโลแกนของเขา “รอด รวย สวย ดัง”
แหม มันทันสมัยเปรี๊ยะเลย (เหมือนกับพวกร้านเสริมสวยเพื่อแต่งเติมความงามให้แก่สาวๆ “ขาว สวย หมวย
อึ๋ม”) พอเข้าใจได้ในคำแรก คือ “รอด” ใครที่เข้ามาเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาคนนั้นรอดพ้นจากความบาปและมีชีวิตนิรันดร์แล้ว (ยน. ๓.๑๖, รม. ๖.๒๓)
คำที่สอง “รวย” คำนี้สามารถตีความหมายได้สองอย่างคือ (๑) ร่ำรวยฝ่ายโลกนี้ เป็นไปได้ที่พระเจ้าจะให้คริสเตียนเป็นคนที่มั่งมี แต่ก็มีคำเตือนให้ระมัดระวังด้วยว่า อย่าไปหลงรักเงินทอง มันจะทำให้เกิดความโลภและตรอมตรมด้วยความทุกข์ และห่างไกลจากความเชื่อ” (๑ ทธ. ๖.๑๐) ส่วนใหญ่แล้วพระคัมภีร์สอนให้ผู้เชื่อมีชีวิตอยู่แบบพอเพียง และ (๒) ร่ำรวยในสวรรค์ เรื่องนี้พระคัมภีร์พูดไว้มากมายทีเดียว พระเจ้าได้จัดเตรียมบำเหน็จ มรดก สิ่งที่ดีที่สุดไว้สำหรับลูกของพระองค์ เป้าหมายของคริสเตียนไม่ได้อยู่ที่โลกนี้ แต่อยู่ที่สวรรค์
คำที่สาม “สวย” ตรงนี้เข้าใจยากนิดหน่อย เพราะสวยอาจจะหมายถึงการแต่งกายสวย เสื้อผ้าราคาแพง ประดับประดาเพชรนิลจินดา ใช้เครื่องสำอาง พอกหน้า ดึงหน้า เหลาคาง ทำตาสองชั้น เสริมดั้งจมูก ขัดสีผิวให้มันขาวเนียล ใส่บิ๊กอายให้ดูตาโตมีประกาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “อนิจจัง” เท่านั้น
ผมเข้าใจว่า “สวย” น่าจะมีความหมายถึงความงามในจิตใจและจิตวิญญาณของคริสเตียนมากกว่า เพราะถ้าพระเจ้ามองก็ดีกว่ามนุษย์มอง จริงไหม? พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าไม่ได้ทอดพระเนตรที่รูปร่างภายนอก แต่ทอดพระเนตรภายในจิตใจ (๑ ซมอ. ๑๖.๗)
คำสุดท้าย “ดัง” มาถึงตรงนี้ผมก็จนด้วยเกล้า(แหะๆ) พระเจ้าต้องการให้คุณเป็นคนดังไหม? ประเภทซุปเปอร์สตาร์ idol อะไรทำนองนั้น?
อาจจะเป็นไปได้ว่า เมื่อคุณเป็นคริสเตียนแล้ว ประกาศ เป็นพยาน สอนพระคัมภีร์และเทศนาเก่ง นำคนมารับเชื่อพระคริสต์ ตั้งคริสตจักรขึ้น ขยายคริสตจักรออกไป หรือส่งคนไปเป็นมิชชันนารียังต่างประเทศฯ ผู้คนก็เลยรู้จักคุณ และคุณก็เลยกลายเป็นคนเด่นคนดังไป
นี่ผมเดาเอานะ ถ้าใครรู้ความหมายขอช่วยบอกผมที!.
เจ้าของบทความนี้ คือ คุณธวัช เย็นใจ
มีคนฟอร์เวิร์ดมาให้ -คลิก
วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
A Good website for deliverance resource
The information in this book of demons hit list includes the names of demon spirits, groupings, mode of operation, and how you as a believer can cast them out and overcome them using the name of Jesus, were derived from various sources: The King James Bible; Personal notes from Apostle Jonas Clark, Personal notes from the late Lester Summerall; Books by (Win Worley: Demolishing the Hosts of Hell, pp. 21, 39; Annihilating the Hosts of Hell, Book 1, pp. 25, 109; Pigs in the Parlor by Frank and Ida Mae Hammond, pp. 113-115, 126, 127; Spiritual Warfare by Jeanne K. Lee, pp. 105, 109, 117); Webster's Universal College Dictionary; My own personal experience with demons for over forty years; several ministries growing up, observing others, Journal entries of my youth, memories, dreams, visions, assisting in deliverance and mostly Revelations given me by the Holy Ghost and Fire (Holy Spirit).
http://www.demonbuster.com/demonlist.htmlhttp://www.chooselove.org/appendix_e.htm
http://www.chooselove.org/demon_hit_list_1.htm
สถิติประชาการ คริสตัง ปี ๒๐๑๐
ฟาติมาสาร - คาทอลิกเพิ่มต่อเนื่อง...แต่นักบวชหญิง "อาการไม่ดี" (27
กุมภาพันธ์ 2011)
editor@popereport.com 23 ก.พ. 2011,
ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
จำนวนประชากรคาทอลิกทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้การเพิ่มจำนวนจะไม่มากนัก
วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่
เลขาธิการนครรัฐวาติกัน ได้เข้าถวายหนังสือสถิติประชากรคาทอลิกโลกประจำปี
2011 แด่สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 โดยหนังสือสถิตินี้
แม้หน้าปกจะบอกว่าเป็นปี 2011
แต่เนื้อหาภายในคือการรายงานจำนวนคริสตังในปี 2009 ที่ไม่รายงานปี 2010
เพราะยังรวบรวมได้ไม่ครบ เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นปีดังกล่าวมาได้แค่ 2
เดือนกว่าๆเอง ถ้าจะดูปี 2010 ต้องรอปีหน้า
สำหรับรายละเอียดภายใน ปรากฏว่า จำนวนประชากรคาทอลิกทั่วโลกใน ค.ศ. 2009
มีทั้งสิ้น 1,181 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็นข่าวดี
เพราะมันเพิ่มขึ้นจากปี 2008 ที่มีคริสตังทั่วโลก 1,166 ล้านคน
(เพิ่มขึ้น 15 ล้านคน...หากใครล้างบาปในปี 2009 หมายความว่า คุณเป็น 1 ใน
15 ล้านคนนี้) หากตีเป็นเปอร์เซ็นต์จะพบว่า โลกมีคริสตังเพิ่มขึ้น 1.3
เปอร์เซ็นต์ (ส่วนปี 2007 โลกมีคริสตัง 1,166 ล้านคน ปี 2006 มีคริสตัง
1,131 ล้านคน ... จะเห็นได้ว่า คริสตังเพิ่มขึ้นแบบทีละนิด มา 4
ปีติดต่อกันแล้ว)
ลงไปดูภาพเชิงลึกกันหน่อย ประชากรคริสตัง 1,181 ล้านคน
อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ 49.3 เปอร์เซ็นต์, ยุโรป 24
เปอร์เซ็นต์, แอฟริกา 15.2 เปอร์เซ็นต์, เอเชีย 10.7 เปอร์เซ็นต์ และ
โอเชียเนีย 0.8 เปอร์เซ็นต์
มาดูจำนวนพระคาร์ดินัลกันบ้าง ปัจจุบัน (23 กุมภาพันธ์ 2011)
พระศาสนจักรมีพระคาร์ดินัล 201 องค์ แต่มี 117
องค์เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่
(พระคาร์ดินัลเหล่านี้ อายุต่ำกว่า 80 ปี ... ส่วนอีก 84 องค์ที่เหลือ
อายุเกิน 80 ปี หมดสิทธิ์เลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่)
ส่วนทางพระสังฆราช ปี 2009 มีพระสังฆราชคาทอลิกทั่วโลก 5,065 องค์
ขณะที่ปี 2008 มีพระสังฆราชคาทอลิกทั่วโลก 5,002 องค์, ปี 2007 มี 4,946
องค์ และปี 2006 มี 4,898 องค์ (เพิ่มมา 4 ปีติดแล้ว)
ส่วนพระสงฆ์ ปี 2009 มีพระสงฆ์คาทอลิกทั่วโลก 410,593 องค์ เพิ่มจากปี
2008 ที่มีพระสงฆ์คาทอลิกทั่วโลก 409,166 องค์ และยังเพิ่มจาก ปี 2007
ที่มี 408,024 องค์ เช่นเดียวกับเพิ่มจากปี 2006 ที่มี 407,242 องค์
ตรงนี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะช่วงค.ศ.1980-2000
จำนวนพระสงฆ์ทั่วโลกลดลงอย่างหนัก จนเหลือเพียง 405,178 องค์ แต่พอปี
2000 เป็นต้นมา ตัวเลขดังกล่าว ค่อยๆไต่ขึ้นมาทีละนิด แม้จะไม่มาก แต่ 10
ปีที่ผ่านมา พระสงฆ์คาทอลิกทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พูดถึงจำนวนพระสงฆ์ รายละเอียดบอกว่า จำนวนพระสงฆ์คาทอลิกทั่วโลกในรอบปี
1999-2009 (10 ปีย้อนหลัง) เพิ่มขึ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์ โดยปี 2009
มีสงฆ์คาทอลิกทั่วโลก 410,593 องค์ ส่วนปี 1999 มีสงฆ์คาทอลิกทั่วโลก
405,009 องค์
หลายท่านน่าจะทราบดีว่า พระสงฆ์คาทอลิกแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ 1)
สงฆ์สังฆมณฑล (อาทิ คุณพ่อที่ประจำวัดแม่พระฟาติมา
รวมทั้งบราเดอร์ที่คอยช่วยคุณพ่อในเวลามิสซา) และ 2) สงฆ์คณะนักบวช อาทิ
สงฆ์เยซูอิต, สงฆ์มหาไถ่, สงฆ์รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ และสงฆ์ซาเลเซียน
เป็นต้น ... ในรอบปี 2009 สัดส่วนสงฆ์ทั้ง 2 แบบจากทั้งหมด 410,593 องค์
แบ่งได้เป็น สงฆ์สังฆมณฑล 275,542 องค์ และ สงฆ์สังกัดคณะนักบวช 135,051
องค์ ทวีปที่มีอัตราการเพิ่มจำนวนพระสงฆ์มากสุดในโลกคือทวีปแอฟริกา 38.5
เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือเอเชีย 30.5 เปอร์เซ็นต์ พูดรวมๆ
ทุกทวีปมีพระสงฆ์เพิ่มขึ้น ยกเว้น "ยุโรป" ยักษ์หลับแห่งคริสตศาสนา
มาดูที่สถิตินักบวชหญิงกันบ้าง งานนี้ บอกได้คำเดียวว่า "น่าวิตกมากๆ"
ค.ศ. 2000 มีนักบวชหญิงทั่วโลก 801,185 คน ส่วนปี 2008
ทั่วโลกมีนักบวชหญิงเหลือ 739,067 คน มาปี 2009 ยิ่งแย่ไปใหญ่
นักบวชหญิงทั่วโลกเหลือแค่ 729,371 คน ... เรียกได้ว่า
จำนวนซิสเตอร์และมาเซอร์ลดลงสวนทางกับจำนวนคริสตังและจำนวนพระสงฆ์
ชนิดที่ยังมองไม่เห็นวี่แววการดีดตัวกลับขึ้นมาได้
ปิดท้ายกันที่ จำนวนผู้เข้ารับการอบรมในสามเณราลัย ปี 2009 มีเณรทั่วโลก
117,978 คน เพิ่มจากปี 2008 ที่มี 117,024 คน (เพิ่มน้อยมากๆ แค่ 954
คนเท่านั้น) กระนั้น เราจะพบว่า จำนวนเณรคาทอลิกเพิ่มขึ้นมา 4 ปี
ติดต่อกันแล้ว ปี 2007 มีเณรคาทอลิก 115,919 คน ส่วนปี 2006 มี 115,480
คน ถือว่า เพิ่มไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่เพิ่มแล้วกัน
ทุกปีที่รายงานข่าวจำนวนประชากรคาทอลิกทั่วโลก
ผมมักจะเขียนทิ้งท้ายบทความว่า "หนังสือเล่มนี้
นับรวมคนทิ้งวัดเข้าไปด้วย (เป็นคริสตังแค่ชื่อ แต่ใจอาจจะไม่ใช่) ฉะนั้น
อย่าเพิ่งดีใจกับข่าวประชากรคริสตังเพิ่มขึ้น"
... ปีนี้ ผมก็ยังยืนยันแบบนั้น จำนวนคริสตังทั่วโลกเพิ่มขึ้น
เป็นเรื่องดี แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าการเพิ่มจำนวน ไม่ได้เป็นแบบเพิ่ม
"ปริมาณ" แต่ควรจะเพิ่ม "คุณภาพ" ไปพร้อมๆกัน
AVE MARIA
วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ที่พัก ที่สัมมนาในสมุทรสงคราม คจ.ใจสมานสอง
หากองค์การ , องค์กรหรือคริสตจักรใดต้องการที่จะจัดค่ายหรือรีทรีทพนักงาน
จำนวนไม่เกิน 20 - 25 ท่าน (
ยินดีที่จะเป็นพระพรให้กับผู้ที่งบประมาณที่จำกัดเท่านั้นครับ )
ในสถานที่ๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ( 63 กม. ) ใกล้ตลาดสดแม่กลอง ( 500 ม. )
และไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวา ( 5 กม. )
เชิญติดต่อได้ที่ คจ. ใจสมานสมุทรสงคราม อีเมลล์ js2mk@yahoo.com
คริสตจักรฯ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่ติดถนนใหญ่ จอดรถไปมาสดวก
4 ห้องนอน 10 ห้องน้ำ 1 ห้องประชุม การจัดสวนสไตล์รัสอร์ทโฮมสเตย์
อิ่มเอมกับอาหารสดๆจากทะเลในราคาประหยัดได้ทุกวัน
ขอพระเจ้าอำนวยพระพรครับ
คจ.ใจสมานสมุทรสงคราม
ผู้แจ้งข่าว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)