หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การถืออดอาหารของชาวคริสต์

การอดอาหารอธิษฐานตามพระคัมภีร์



การอธิษฐาน

พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อสามัคคีธรรมกับพระองค์ในความสัมพันธ์นี้การอธิษ ฐาน เป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าใช้เพื่อเป้าหมายนี้ แต่เนื่องจากบาปสัมพันธภาพนี้จึงขาดสะบั้นลงและการอธิษฐานกลายเป็นสิ่งที่ เข้าไม่ถึง และน่าอึดอัดใจสำหรับมนุษย์

ผู้เชื่อพระเจ้าจะแบ่งปันชีวิตของเขากับพระองค์ผ่านทางการอธิษฐานเราสามารถ ระบายความในใจทั้งหมด เปิดอกสารภาพบาปและทูลขอจากพระองค์โดยมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการอธิษฐานคือ “ การขอบพระคุณ”

ชาวอิสราเอลที่เคร่งครัดในศาสนาจะอธิษฐานวันละสามครั้ง ซามูเอลได้ ตระหนักถึงหน้าที่นี้ถึงขนาดประกาศว่า หากเขาลืมอธิษฐานเผื่อคนที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขาก็ถือว่าเขาทำบาป การอธิษฐานไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่การอธิษฐานที่คริสเตียนต้องทำตาม ซึ่งท่านเปาโลก็คาดหวังให้การอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญของชีวิตคริสเตียนและคริ สตจักรเพราะเมื่อมนุษย์เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว ความกระหายจะพูดคุยกับพระองค์กลายเป็นธรรมชาติใหม่ของเรา

การอธิษฐาน นับเป็นส่วนสำคัญในครอบครัวของพระเจ้า เพราะพระเยซูได้สอนสาวกให้อธิษฐานว่า “พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย...”  ( มัทธิว 6:9-13 ) คริ สตจักรสมัยแรกๆ มาร่วมชุมนุมเพื่ออธิษฐานด้วยกัน เช่นการประชุมที่บ้านแม่ของมาระโกเพื่ออธิษฐานขอให้เปโตรได้รับการปล่อยตัว พระวิญญาณบริสุทธิ์มีหน้าที่เร่งเร้าให้คริสเตียนอธิษฐาน โน้มน้าวความคิดของคริสเตียนให้สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า อัครสาวกเปาโลเขียนถึงชาวโรมันว่า “พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเราในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ” ( ดูพระคัมภีร์เทียบ สดด. 62:8; 1 ยน. 1:9; มก. 11:24; ฟป. 4:6; 1 ซมอ. 12:23; คส. 4:2; ยก. 1:5-6; กจ. 12:12; รม. 8:26) พระเยซูสอนถึงการอธิษฐาน : มธ. 6:5-15; 7:7-11; 26:41; มก. 12:38-40; 13:33; 14:38; ลก. 11:1-13; 18:1-14 คำอธิษฐานของพระเยซู : มธ. 6:9-13; 11:25-26; 26:36-44; มก. 14:32-39; ลก. 10:21; 11:2-4; 22:46; 23:34, 46; ยน. 11:41-42; 12:27-28; 17 คำอธิษฐานอันยอดเยี่ยมในพระคัมภีร์ : อพย. 15; 32; 33; ฉธบ. 32-33; ยชว. 10; วนฉ. 5; 6; 1 ซมอ. 1; 2; 2 ซมอ. 7; 22; 1 พกษ. 3; 8; 18; 19; 2 พกษ. 19; อสร. 9; นหม. 1; 9; โยบ. 42; สดด.; ดนล. 2; 9; ยนา. 2; ฮบก. 3; ลก. 1:46-55, 68-79; 2:29-35; กจ. 4:24-30 และคำอธิษฐานในจดหมายฝากต่างๆ


การอดอาหารอธิษฐาน

การอดอาหาร: มาดูเบื้องหลังการอดอาหาร อธิษฐาน  ตามธรรมบัญญัติในพระคัมภีร์เดิม คนยิวมีวันอดอาหารประจำชาติเพียงวันเดียวคือ “วันลบบาป” คือวันที่ ๑๒ เดือน เจ็ด ( ปลายเดือนกันยายน/ ต้นตุลาคม ) สมัยที่อิสราเอลเป็นเชลยในบาบิโลน ชาวยิวยังอดอาหารในเดือน ห้า และ เดือนที่ เจ็ด เพื่อไว้ทุกข์ให้ เกดาลิยาห์ ผู้ว่าราชการยูดาห์ ที่ถูกลอบ ฆ่า และการที่พระวิหารถูกทำลาย

 หลัง สมัยเป็นเชลยชาวยิวได้เพิ่มวันถืออดอาหารอีก สองวัน คือในเดือนที่ สิบ เพื่อระลึก ถึงการที่บาบิโลนเริ่มโอบล้อม เยซูซาเล็ม และในเดือนที่สี เยซูซาเล็มแตก  ทั้งประเทศและส่วนบุคคลอาจถืออดอาหารในวาระคับขันอื่นๆด้วย

 การ อธิษฐานและการอดอาหารมักจะควบคู่กันไป มักจะมีคำถามว่าทำไมต้องอดอาหารอธิษฐานการอดอาหารเป็นสัญลักษณ์ ถึงการกลับใจอย่างแท้จริง  ใน ช่วงที่อดอาหารจะไม่กิน ไม่ดื่ม อาจจะฉีกเสื้อผ้าและสวมชุดกระสอบ เอาขี้เถ้าซัดลงบนศีรษะ ปล่อยผมรุงรัง กระเซอะกระเซิง และไม่อาบน้ำ

ที่สำคัญ ผู้เผยพระวจนะ และพระเยซูเจ้า ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สัญลักษณ์ภายนอกนั้นไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่สำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจ ( ดูข้อพระคัมภีร์เทียบ :ลนต.๑๖.๒๙,ศคย.๗.๕,๘.๑๙,วนฉ.๒๐.๒๖, นหม.๑,๒ ซมอ.๑๒.๑๖,๒๐, อสธ.๔.๑๖,อสย.๕๘.๓-๕, ยอล.๒.๑๓, ยนา ๓.๕, มธ.๖.๑๖-๑๗ )

การอดอาหาร ที่คริสต์โปรเตสแตนต์ส่วนใหญ่ปฏิบัติ: การอดอาหารอธิษฐาน ยังเป็นเรื่องหนึ่งที่คริสตชนเข้าใจ และไม่เข้าใจ ต่อมาก็ขึ้นกับคณะนิกายแยกย่อยออกไปอีก แท้จริงแล้ว การอดอาหารเป็นศาสนปฏิบัติที่กล่าวถึงเสมอๆในพระคัมภีร์ เมื่อศึกษาพระคัมภีร์ในพันธสัญญาเดิมจะเห็นภาพที่คนยิวอดอาหารสม่ำเสมอ ต่อมาจะเห็นภาพของ การอดอาหารในรูปแบบต่างๆ และในโอกาสต่างๆ เช่น เพราะสำนึกผิด เพราะพ้นจากภยันตราย ในพระคัมภีร์ผู้วินิจฉัย ซามูเอลเรียก ร้องให้ประชาชนร่วมถืออดอาหาร ( 1ซามูเอล 7.6 ) ต่อมาก็พบการอดอาหารโดยความสมัครใจ เช่นกษัตริย์ดาวิดถืออดอาหารเมื่อพระโอรสทรงประชวร ( 2 ซามูเอล 12.16 )เป็นต้น

การถืออดอาหารหาไม่ได้ทำให้เกิดความชอบธรรมมากขึ้น แต่เป็นการฝึกฝนฝ่ายจิตวิญญาณและเป็นการอุทิศตัว และใจ เพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับเรื่องต่างๆ โดยไม่ให้การกินการดื่มมาเป็นอุปสรรค แต่คาดหวังจะเป็นการได้รับคำตอบ และเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า ซึ่งต่อไปนี้จะมาดูกันในพระคัมภีร์ กล่าวถึงการอดอาหารเพื่ออธิษฐานอย่างไร โดยเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นมุมมองของคริสตจักรโปรเตสแตนต์สายหลัก

คริสต ชนทุกคนมีสิทธิพิเศษในการประกาศพระคำของพระเจ้าว่า"ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับ พระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า" (กท. 2:20) นี่เป็นคำกล่าวของคริสเตียนที่ติดสนิทอยู่กับพระคริสต์ แต่ว่าในฝ่ายเนื้อหนังนั้นเรายังมีศัตรูที่สำคัญอยู่สาม ตัว คือ

1.เนื้อหนัง
2.เรื่องทางฝ่ายโลก
3.มารซาตาน

พระเยซูเจ้าทรงได้ชนะศัตรูทั้งสามตัวนี้บนไม้กางเขนแทนบรรดาผู้เชื่อทุกคนแล้ว

การอด อาหารอธิษฐานเป็นการเพิ่มความเชื่อให้คริสเตียน เพราะเราก็สามารถชนะสิ่งเหล่านี้ได้โดย ความเชื่อด้วยวิธีการอธิษฐานถืออดอาหาร การถืออดอาหารเป็นวิธีการที่พระเยซูทรงสอนไว้ให้เราปฏิบัติตาม พระกิตติคุณมัทธิว 17:21 พระเยซูไม่ได้อ้อนวอนให้เราอดอาหาร เมื่อพระองค์สั่งให้เราอดอาหาร พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า “ถ้า”ท่านอดอาหาร พระองค์ตรัสว่า “เมื่อ”ท่านอดอาหาร และพระองค์ทรงสอนให้เราปฏิบัติฝึกฝนฝ่ายจิตวิญญาณจำเป็นในการวางระเบียบ ชีวิตคริสเตียนทุกคนไว้ ๓ ประการดังนี้

1.การให้ทาน
2.การอธิษฐาน
3.การถืออดอาหาร

ทั้งสามประการที่กล่าวมาพระเยซูสอนว่าอาจจะถูกใช้อย่างถูกๆผิดๆ กล่าวคือ

การ ให้ทาน ไม่ควรถูกชักจูงโดยคนใดคนหนึ่งแต่ให้ด้วยความเต็มใจ  การอธิษฐานอดอาหารก็เช่นกัน ไม่ควรจะถูกชักจูงโดยผู้หนึ่งผู้ใดหรือเพื่อผู้หนึ่งผู้ใดแต่ควรเป็นการ กระทำเพื่อถวายพระเจ้าจากใจที่เต็มไปด้วยความรัก และด้วยใจที่ขอบพระคุณการถืออดอาหารอธิษฐานมีสอนมากมายในพระคัมภีร์ เพื่อให้ชีวิตของคริสตชนเกิดความสมดุล

พระเจ้าไม่จำเป็นต้องได้รับ การถวายจากเราแต่เราต่างหากที่ต้องถวายแด่พระองค์ ดังนั้น แรงจูงใจในการถืออดอาหารจะต้องเป็นหัวใจที่เต็มด้วยความรัก พลังอำนาจไม่ได้อยู่ที่การอธิษฐาน การให้ทานในการถืออดอาหาร แต่พลังอำนาจที่พระเยซูคริสต์

ให้เราศึกษาเรื่องการถืออดอาหาร ในพระธรรมอิสยาห์บทที่ 58 เมื่อเราอดอาหารอย่างเอาจริงเอาจังแล้วเราสามารถออกจากสิ่งเหล่านี้

1.แก้พันธนะของความอธรรม
2.แก้สายรัดแอกแห่งภาระหนัก
3.ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระจากการถูกบีบบังคับ
4.หักแอกเสียทุกอัน

หาก ถามว่า "ทุกวันนี้คริสตชนยังต้องอธิษฐานอดอาหารหรือไม่?" คำตอบคือ "จำเป็นมาก"... เพราะเป็นการฝึกฝนฝ่ายจิตวิญญาณ เพื่อของประทานจะได้เข้าสู่เรา เราไม่ควรมีคำมากมายกับการถืออดอาหารอธิษฐาน แต่พระเยซูสอนว่า "เมื่อท่านทำทาน เมื่อท่านอดอาหารอธิษฐาน จงทำอย่างถูกต้อง แล้วความรักการเชื่อฟังจะตามมา"


1. การถืออดอาหารในพระคัมภีร์เดิม

1.1.”โมเสส” ในพระคัมภีร์เฉลยธรรมบัญญัติบทที่ ๙ เป็นตัวอย่างที่สำคัญในการถืออดอาหาร เป็นเรื่องการอดอาหารอธิษฐานสี่สิบวันของโมเสสที่ภูเขาซีนายกับพระเจ้าท่าน ได้รับแผ่นศิลาพันธสัญญาสองแผ่นหลังจากถืออดอาหาร  เมื่อ ท่านลงมาจากภูเขาพร้อมกับแผ่นศิลาพันธสัญญาซึ่งรับมาจากพระเจ้า ท่านก็พบว่าชาวอิสราเอลได้ทำบาป โดยหันไปกราบไหว้บูชาวัวทองคำ ท่านจึงทำลายรูปเคารพนั้น และท่านเป็นตัวแทนทูลขอพระเจ้าให้ไว้ชีวิตต่อคนอิสราเอลผู้ได้ทำบาปเพราะพระ เจ้าตรัสว่าจะทำลายพวกเขา ตรงกันข้ามโมเสสได้รับบัญชาชัดเจนว่าไม่ให้ขอการอภัยโทษในคำพิพากษาที่ พระองค์จะทรงทำลายพวกเขา พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ขออย่าท้วงเรา” นี่คือการยืนยันการตอบคำอธิษฐานของโมเสส ผู้ที่ยอมอดอาหารถึงสี่สิบวัน แต่ในที่สุดพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขา   คือพระเจ้าให้ชาวอิสราเอลฟังเสียงโมเสสก็จะให้พ้นจากการลงโทษ ที่พระเจ้าทรงฟังเพราะโมเสสอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังกับพระองค์ สำหรับชาวคริสต์เราควรจะปฏิบัติในการอธิษฐานเหมือนโมเสส แต่คริสเตียนจำนวนมากได้ละเลยในการอธิษฐานเพราะไม่เห็นความสำคัญ หรือไม่วางใจพระเจ้า หรือขี้เกียจ ฯลฯ

1.2. “เอสรา”ใน พระธรรมเอสราบทที่ 8 เราจะเห็นตัวอย่างที่คนของพระเจ้าในสมัยพระคัมภีร์เดิม ได้เห็นถึงความสำคัญในการถืออดอาหาร และได้ผลมากในการทูลขอให้พระเจ้าเทฤทธิ์อำนาจจากพระองค์ “เอสรา”คือ ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้นำชนชาติอิสราเอลเดินทางกลับจากการเป็นเชลยที่บาบิ โลนไปสู่บ้านเกิดในกรุงเยรูซาเล็มจากการเป็นทาสพวกเขาได้รับทรัพย์สมบัติมาก มายจากพระราชาแห่งบาร์บิโลนเพื่อนำไปสร้างกรุงเยรูซาเล็มใหม่ในระหว่างทาง นั้นมีโจรมากมายแต่ชนชาติอิสราเอลไม่มีอาวุธพวกเขาได้ใช้วิธีเดียวกันที่เคย เห็นบรรพบุรุษกระทำคือ พวกเขาได้รวมกันอธิษฐานถืออดอาหารอย่างเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า และเดินทางกลับมาด้วยความปลอดภัยเพราะพระเจ้าทรงพอพระทัยและทรงปกป้องพวกเขา

1.3. “ เนหะมีย์” ในพระธรรมเนหะมีย์บทที่ 1 เราจะเห็นถึงคนของพระเจ้าที่ได้อธิษฐานอดอาหารเพื่อการซ่อมแซมกำแพงเมือง หลวงของอิสราเอล  เนหะมีย์ ทำหน้าที่เป็นพนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระราชา ผลของการอดอาหารอธิษฐาน พระเจ้าทรงเคลื่อนไหวพระทัยของพระราชา พระราชาทรงอนุญาติให้เนหะมีย์เป็นหัวหน้ากลับไปซ่อมแซมกำแพงเมืองใหม่ นี่ก็คือการทรงตอบคำอธิษฐานของพระเจ้า

1.4. “เอสเธอร์”ใน พระคัมภีร์เอสเธอร์เมื่อชนชาติอิสราเอลกำลังจะถูกพระราชกฤษฎีกาทำลายล้างชาว ยิวซึ่งเป็นแผนการชั่วของฮามานจอมโฉดผู้เกลียดชังคนยิวเพ็ดทูลพระราชาให้ ทำลายล้างชาวยิวทั่วพระราชอาณาจักรแต่พระราชินีเอสเธอร์เชื้อสายยิวได้บอก กับชาวอิสราเอลให้พวกเขาอดอาหารอธิษฐานสามวันสามคืนแม้กระทั่งพระนางเองก็ ทรงทำเช่นนั้นเพื่อที่พระนางจะเข้าไปเข้าเฝ้าพระราชาและกล่าวถึงเรื่องนี้ ด้วยคำอธิษฐานของชาวอิสราเอลและทูลของพระราชินีเอสเธอร์พระเจ้าทรงสัมผัส พระทัยพระราชาให้โปรดปรานคำทูลของพระมเหสีของพระองค์ ในที่สุดเหตุการณ์ร้ายกลับกลายเป็นดี ชาวยิวได้รอดพ้นจากการถูกทำลาย แต่คนชั่วผู้ที่วางแผนนั้นกลับได้รับโทษแทน

1.5. “โยเอล” ในพระธรรมโยเอล ผู้เผยพระวจนะ ได้กล่าวว่าเมื่อเป็นเวลาแห่งความท้อแท้สิ้นหวัง พระเจ้าทรงเตือนประชากรให้แสวงหาความช่วยเหลือจากพระองค์ ให้ชนชาติอิสราเอล กลับมาหาพระเจ้า ด้วยการอดอาหารอธิษฐาน ด้วยการโอดครวญ ร้องไห้ และฉีกใจ ซึ่งพระเจ้ากอปรด้วยพระคุณทรงพระกรุณา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง จะได้ช่วยเหลือพวกเขา

1.6. “โยนาห์” ในสมัยของโยนาห์ เป็นผู้เผยพระวจนะ ท่านได้กล่าวโทษชาวนีนะเวห์ และชาวเมืองนั้นต่างพากันตกใจกลัวการลงโทษของพระเจ้าตามที่โยนาห์บอกดังนั้น พวกเขาไม่มีทางอื่นใดนอกจากการอดอาหารอธิษฐานเท่านั้น แล้วพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขาโดยไว้ชีวิตชาวนครนีนะเวห์ทั้งหมด


2.การถืออดอาหารในพันธสัญญาใหม่

ใน พันธสัญญาใหม่ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการถืออดอาหารในชีวิตของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเริ่มต้นพระราชกิจ ด้วยการอดพระกระยาหารเป็นเวลา40วันในถิ่นทุรกันดารและทรงได้รับการทดลอง 3 ประการก็เกิดขึ้นกับพระองค์ แต่พระเยซูทรงชนะการทดลองทั้งหมด คือ ชนะฝ่ายเนื้อหนัง  ฝ่ายโลก และ ฝ่ายมาร

ยังมีคริสเตียนจำนวนมากที่ มีชีวิตทุกข์ใจนานนับสัปดาห์ เดือน หรือเป็นปีๆ ความกดดันฝ่ายวิญญาณบางครั้งก็มาจากวิญญาณชั่ว พระเยซูเจ้าตรัสว่าการปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วบางจำพวกจะต้องใช้วิธีอดอาหาร เท่านั้น เช่น "แต่ผีชนิดนี้ไม่เคยถูกขับออก เว้นไว้โดยการอดอาหารอธิษฐาน"มัทธิว17:21 แสดงว่าการถูกปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วก็ต้องด้วยวิธีการอดอาหารอธิษฐาน

แต่ ก็มีคริสเตียนจำนวนมากไม่เชื่อฟังพระเยซูคริสต์เรื่องการอดอาหารและอธิษฐาน เพื่อทำลายอำนาจที่กดขี่ อาจจะเคยได้ยินบางคนกล่าวว่า “ฉันจะอดอาหารเมื่อพระเจ้าทรงนำ”

การถืออดอาหารอธิษฐานเป็นทางที่นำ ไปถึงพระเจ้าในคริสตจักรยุคแรกได้กำหนดเวลา การอดอาหารเพื่อคริสตจักร ในพระธรรมกิจการ 13:2 ขณะที่พวกเขากำลังอดอาหารอธิษฐานและนมัสการอยู่นั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้ สถิตเข้ามา และพูดกับพวกเขา

ในช่วงสองศตวรรษแรกนั้น คริสเตียนส่วนมากถืออดอาหารอาทิตย์ละ 2 วัน คือ วันอังคารและวันศุกร์สำหรับคริสเตียนปัจจุบันนี้ชีวิตในพระกายของพระคริสต์ จะอยู่ที่ไหนมีบางคนเห็นว่าถ้าเราได้กำหนดอธิษฐานอดอาหารสัปดาห์ละ 2 วัน ทั่วโลกน่าจะช่วยเหลือผู้เดือดร้อนช่วยดับไฟสงครามทั้งภายในภายนอกนำ สันติภาพให้เป็นไปได้ และนำคนแสวงหากลับมาหาพระเจ้าเป็นต้น


3. การถืออดอาหารอธิษฐานคืออะไร?

การ ถืออดอาหารเป็นการละเว้นความต้องการบางอย่าง (หรือทั้งหมดตามที่พระคัมภีร์ ได้กล่าวไว้) ในชีวิตประจำวันของเราคือฝ่ายเนื้อหนังเพื่ออุทิศเวลาของเราถวายแด่พระเจ้า เพื่อความเจริญเติบโตในด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และเตรียมประสาทสัมผัสฝ่ายจิตวิญญาณของเราให้พร้อมที่จะรับการต่อสู้ฝ่ายจิต วิญญาณ โดยการละเว้นสิ่งเหล่านี้

1.อาหาร (ลูกา 4:2)
2.อาหารและน้ำ (เอสเธอร์)
3.อาหารและเพศสัมพันธ์ (1 โครินธ์ 7:5)

การ ถืออดอาหารในพระคัมภีร์หมายถึงการงดอาหารทุกอย่างส่วนน้ำไม่ใช่อาหารและถ้า ไม่เจาะจงว่าจะไม่ดื่มน้ำด้วยก็จะดื่มน้ำได้ตามปกติ สำหรับ คริสเตียนไม่ถือว่าน้ำคือสิ่งต้องห้ามในเวลาที่อดอาหารอธิษฐาน ควรจะดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ แต่ถ้าหากรับประทานอาหารเสริมถือว่าเป็นการยุติการถืออดอาหารอธิษฐาน และไม่ควรใช้สารกระตุ้น เช่น ชา กาแฟ หมากฝรั่ง และอื่นๆ


4. เหตุผล 10 ประการ ของการถืออดอาหาร

มา ทำความเข้าใจว่า การถืออดอาหาร อธิษฐานคืออะไร จาก ๑๐ ประการต่อไปนี้น่าจะทำให้คริสตชนเข้าใจ และเมื่อตัวเองอดอาหารอธิษฐานก็สามารถเข้าใจอย่างถูกต้อง

4.1.เพื่อเป็นการนมัสการพระเจ้า (กิจการ 1:2,3)

4.2.เพื่อเพิ่มความเชื่อของผู้อดอาหาร(มัทธิว 17:19-21)

4.3.เพื่ออุทิศตัวของผู้อดอาหารในการอธิษฐาน (1 โครินธ์ 7:5)

4.4.เพื่อ ดำเนินในพระวิญญาณ (โรม บทที่ 8 ) พระคัมภีร์ได้กล่าวว่าเนื้อหนังกับวิญญาณมีความขัดแย้งกันเพราะถ้าไม่ได้ถือ อด อาหารนานถึงสองสามสัปดาห์ เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าธรรมชาติของตัวเก่าของเราควรจะถูกฆ่าวันละกี่ครั้ง ช่วงการถืออดอาหาร เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ ความบาปที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ และความต้องการของเนื้อหนังก็จะแสดงออกมาให้เห็น "เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ" (  โคโลสี 3:5 )

4.5.เพื่อทำให้เกิดความเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจ (มาระโก 11:23,24) เป็นความเชื่อมั่นในพระคำและพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ คริสเตียนส่วนใหญ่เชื่อด้วยสมอง แต่การเชื่อมั่นอย่างสุดจิตสุดใจจะก่อให้เกิดการอัศจรรย์ ( มาระโก ๑๑.๒๓-๒๔ ) "และมิได้สงสัยในใจ แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้นก็จะเป็นตามนั้นจริง"

4.6.เพื่อมี ความเชื่อมั่นในการอธิษฐานให้คนเจ็บป่วย (มัทธิว 17:20)  เพื่อวางมือรักษาโรคให้คนป่วย ปลดปล่อยคน จากการครอบงำของวิญญาณชั่ว หรือแม้แต่คนเจ็บป่วยเพราะพระเจ้าทรงฟังผู้ชอบธรรมอธิษฐาน  "ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง"

4.7.เพื่อให้ความ มั่นใจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ (มาระโก 1:17) "จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งให้ท่านเป็นผู้หาคน ดังหาปลา"  และเราต้องใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อการนี้แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่ง ที่คนได้แสวงหาด้วยความร้อนรน ก็ชิงเอามาได้" มัทธิว 11:12

4.8.เพื่อ ให้ความเชื่อของผู้อดอาหารเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1โครินธ์ 12:11)ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธ์จะอยู่ในผู้นั้น และสำแดงออกมา การปรากฏของพระวิญญาณบริสุทธ์ในท่ามกลางผู้อดอาหาร กล่าวไว้ใน ๑ โครินธ์ บทที่ ๑๒ คือของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ ๙ ประการ มีคนจำนวนมากถืออดอาหารและอธิษฐานเพื่อขอให้ได้รับของประทาน  ของ ประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ผ่านผู้เชื่อ เพื่อพระสิริขององค์พระเยซู (ยอห์น ๑๖.๔ )"การถืออดอาหารอธิษฐาน เป็นการเปิดประตูให้หมายสำคัญเข้ามาสู่ชีวิตของเราอย่างมากมาย     1 โครินธ์ 14:12" และ "การถืออดอาหารอธิษฐานจะช่วยให้ท่านได้รับของประทานอย่างรุ่งเรือง ( 2 ทิโมธี 1:6)

4.9.การอธิษฐานถืออดอาหารเป็นเกราะกำบังที่มีฤทธิ์อำนาจ มากที่สุด (โคโลสี 2:15) "ฤทธิ์ อำนาจที่ท่านมีเหนือโรคร้าย ผีมาร วิญญาณชั่วเหนือเทพผู้ครองและศักดิเทพ ซึ่งพระเยซูทรงมอบให้ท่านผ่านชัยชนะของพระองค์ในนามของท่านบนไม้กางเขน"

4.10.การ ถืออดอาหารอธิษฐานจะทำให้ผู้ถืออดอาหารมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาจะได้รับ พระพรของเขาเอง(อิสยาห์58:8-14)พระคำเหล่านี้พระเจ้าทรงประทานให้แก่เขาอัน เป็นผลมาจากการที่ถืออดอาหารตามแบบอย่างในพระคัมภีร์ ที่พระองค์มีพระสัญญาว่าเขาจะได้รับสิ่งนั้นคือ
                                1) ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
                                2) ฤทธิ์อำนาจใหม่ ในการมีจิตใจที่มีสมาธิ
                                3) สุขภาพที่ได้รับการฟื้นฟูใหม่ของผู้อดอาหาร


5. ควรจะถืออดอาหารนานเท่าใด

เป็น ความรับผิดชอบของแต่ละคนในการอดอาหารอธิษฐานกับพระเจ้า และขอรับการทรงนำในระหว่างที่ทำการอธิษฐานถ้าหากเราตัดสินใจจะอดอาหาร อธิษฐาน 1มื้อก็ขอให้เราทำด้วยความพอใจและถวายเกียรติแด่พระเจ้า และไม่รับประทานอะไรเลย (นอกจากดื่มน้ำสะอาด) หรือ 24 ชั่วโมง หรือว่า 72 ชั่วโมงก็ตาม เวลานานไม่ใช่เป็นมาตรฐาน แต่ความสัตย์ซื่อคือมาตรฐานในการที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
เราต้องอธิษฐานจน กว่าวิญญาณชั่วจะออกจากเราจนหมด และบางคนก็อดอาหารเป็นเวลา 40 วันติดต่อกัน จนวิญญาณชั่ว ความท้อแท้ ความเจ็บป่วย และความทุกข์ออกไปหมดเลยจากชีวิตของเขา หรือจนหลุดพ้นจากความบาป ความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ใจ....ขอพระเจ้าทรงเพิ่มภาระใจให้แก่เรามากพอ ที่จะมีภาระใจต่อผู้ที่หลงหาย หลงทาง หรือต้องการความช่วยเหลือจนเราพร้อมจะแบกภาระในการถืออดอาหารอธิษฐานเผื่อคน ที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขอันใด นอกจาก เพราะความรักของพระคริสต์ที่สวมทับในชีวิตของเรา


6. จะเริ่มการถืออดอาหารอย่างไร?

การ ถืออดอาหารระยะสั้นประมาณวันหรือสองวัน ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ แต่ควรจะทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ แต่ ถ้าหากอดอาหารนานๆ เช่น สี่วันขึ้นไป หรือ 3 อาทิตย์ หรือมากกว่านั้น เราควรต้องเตรียมสถานที่ที่สงบอยู่คนเดียวได้ เพื่อพักผ่อน และอุทิศตัวของท่านในการอธิษฐาน และอ่านพระวจนะของพระเจ้า  ไม่มีสิ่งอื่นรบกวนมอบชีวิตของเราต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง   การเตรียมตัวเพื่ออดอาหารอาจทำได้ดังนี้

                6.1.ไม่ควรทำงานหนักก่อนที่จะอด หรือทำงานในระหว่างอดอาหารอยู่
                6.2.ควรเลือกสถานที่ที่สงบ
                6.3.ก่อนจะเริ่มต้นอดอาหารนาน ควรจะรับประทานผักสด ผลไม้สด และควรดื่มน้ำสะอาดๆ
                6.4.อาบน้ำอุ่นอย่างน้อยทุกๆ สองวัน

ใน ระหว่างอดอาหารอธิษฐานนั้นปากของเราจะมีกลิ่นเหม็น เพราะร่างกายขับของเสียออกมาจากร่างกายที่หมักอยู่เป็นแรมปี แต่เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้รับผลประโยชน์ก็คือ มีร่างกายที่สดชื่น ควบคู่กับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ในวันแรกๆท่านจะรู้สึกหิวมาก หลังจากนั้น สามวัน ความหิวทั้งหลายจะหายหมด จึงทำให้เป้าหมายการถืออดอาหารอธิษฐานบรรลุผล


7. ควรจะทำอย่างไรในช่วงอดอาหารอธิษฐาน

เพื่อให้การถืออดอาหารอธิษฐานได้ผลสูงสุด เราควรจะปฏิบัติตาม 3 แบบ ดังนี้

                7.1. อธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 58
                7.2. ค้นหาความต้องการภายในจิตใจของท่านเอง
                7.3. อ่านและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า

                ในการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้น ท่านไม่ต้องทำงาน แต่ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัวตามปกติ และเริ่มอธิษฐานจนเข้านอน อาจมีอาการอาเจียน ปวดหัว คลื่นไส้ แต่นั่นหมายถึงร่างกายของท่านกำลังขับของเสียออกมา และสมองของท่านจะปลอดโปร่ง และจำพระวจนะของพระเจ้าได้ดีกว่าเดิม
                ในขณะที่ท่านทำการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้นควรดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเมื่อมีอาการอาเจียนมากๆ และไม่สามารถรับน้ำได้แล้วก็ควรจะเลิกอดอาหารอธิษฐานในครั้งนั้นก่อน
                ในคริสตจักรหรือในกลุ่มอธิษฐานของท่านควรจะมี 1 หรือ 2 คนที่จะอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ใน 1 อาทิตย์ หรือสลับกันหลายๆ คน การอธิษฐานอดอาหารเป็นการ “ปราบเจ้ายักษ์ใหญ่ แห่งความไม่เชื่อในชีวิตของเรา”

                การอธิษฐานถืออดอาหาร ( Fasting-prayer ) เมื่อท่านมีความปรารถนาในบางสิ่งบางอย่างมากจนทำให้กินไม่ลง และความปรารถนานั้นกลายเป็นเสียงคร่ำครวญจากหัวใจ ผนวกกับการอธิษฐานที่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ กลายเป็นเสียงคร่ำครวญจากหัวใจ อย่างต่อเนื่องที่จะได้สามัคคีธรรมกับพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจในการทำลายโซ่ตรวนทุกประการช่วยให้เรื่องที่เรา นำไปอธิษฐานได้รับการแก้ไขเราสามารถเห็นพลังและฤทธิ์เดชนี้ผ่านการอธิษฐาน ซึ่งพระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ได้อย่างมากมาย  ...ถ้า คริสตจักรใดสมาชิก ถืออดอาหารอธิษฐานบ่อยๆ หรืออาจจะเป็นลูกโซ่ คริสตจักรนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แทนที่การแห้งเหี่ยว เฉา เพราะพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานและความปรารถนาที่สมาชิกทูลขอเสมอ- ขอให้วางใจ


8. ปฏิกิริยาของร่างกายเมื่ออดอาหาร

หลาย คนมีความแตกต่างกันหลายคนมีโรคบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกายซึ่งจะเริ่มถูกชำระ ล้างโดยการอดอาหาร ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ยิ่งรายใดมีความรู้สึกทรมานมากเท่าใดในเวลาถืออดอาหาร เขาควรจะยิ่งต้องถืออดอาหารมากขึ้นเท่านั้นบางคนมีปัญหาในเรื่องกระเพาะ อาหาร บางคนก็มีโรคกระเพาะอยู่แล้ว และเมื่อกระเพาะไม่ได้ย่อยอาหารนานเข้าก็จะเกิดอาการปวด และรู้สึกทรมาน ถ้าหากว่าบางคนที่ต้องพึ่งสารนิโคติน หรือคาเฟอีนมาเป็นเวลาแรมปี อาจเกิดอาหารปวดศีรษะอย่างรุนแรง และมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนในช่วงวันสองวันแรกแล้วปัญหานี้จะสิ้นสุดลง และถ้าท่านอดอาหารเป็นเวลา 21 หรือ 40 วัน ขอให้เราทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเราควรรักษาความอบอุ่นร่างกายของเราไว้ บางคืนเราอาจนอนไม่หลับทั้งนี้เพราะน้ำหนักตัวลดลงและโลหิตมากเกินไปในร่าง กาย โลหิตที่เกินอยู่ในสมองอาจจะทำให้นอนไม่หลับอยู่ ๒-๓ คืน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่เราสรรเสริญพระเจ้าในเวลานั้น ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญ อธิษฐานเพื่อติดสนิทกับพระองค์


9. การออกจากการอดอาหารอธิษฐาน

                การรักษาเวลา คือเป็นการรักษาพระสัญญากับพระเจ้าให้นานและดีที่สุด ซึ่งบางครั้งความหวนกลับคืนมาสู่เนื้อหนัง เวลานั้นร่างกายของเราได้ขับของเสียออกมาหมดแล้ว ให้เราสังเกตว่าพระเยซูอดพระกระยาหาร และเมื่อพ้นวันกำหนดคือ 40วันแล้ว การทดลองก็มาถึงพระองค์ 3 ประการ เพราะมารซาตานรู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาแห่งความตาย เพราะว่าพระองค์ทรงหิวแล้ว มารคิดว่าพระเยซูจะยอมทำตามความชั่วช้าของมันเพื่อพระองค์จะทรงเสวยอาหารที่ มันเชื้อเชิญ ความหิวนั้นอยู่ที่ปาก และลำคอ แต่อย่างไรก็ตามขอให้เรายึดมั่นอยู่ในความเชื่อมั่นในพระเจ้า

                ถ้าเป็นการอดอาหาร 2-3 วัน ควรออกจากการอดอาหารด้วยการรับประทานน้ำดื่มที่ผสมด้วยน้ำส้มคั้นครึ่งแก้ว และหลังจากนั้น 2 วันก็รับประทานผักสด หรือผลไม้สด แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป และหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารตามปกติ และน้ำหนักตัวของท่านก็จะกลับคืนมา พร้อมกับชีวิตจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง "เหตุฉะนั้นท่านจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าของท่าน ด้วยร่างกายของท่าน" (1 โครินธ์ 6:19,20 ) แต่พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังให้ดีเกลือกว่าท่านจะเต็มล้นไปด้วยการดื่มเหล้าองุ่นมาก และด้วยการเมา" (ลูกา 21:34-36)


10. การถืออดอาหารกับปัญหายาเสพติด

                วิธีการหยุดยาเสพติดทุกชนิดคือ การอดอาหารอธิษฐาน วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะเป็นการขับสารเสพติดที่มีอยู่ในร่างกายออก ไป แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายของคนนั้น คริสตชนบางรายก็ยอมปฏิเสธวิธีการนี้ 2-3 มากกว่าที่จะปฏิเสธการเป็นทาสของบุหรี่ไปตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่คริสเตียนติดยาเสพติด แล้วอยากเข้าแผ่นดินของพระเจ้า


11.เสรีภาพที่เต็มไปด้วยพระสิริ

ถ้า หากเราอธิษฐานอดอาหารเป็นลูกโซ่พระเจ้าก็จะทรงนำพระสิริแห่งเสรีภาพมาสู่การ อธิษฐานในพระวิญญาณ และพระสัญญาของพระเจ้าทั้ง 34,444 ครั้งในพระวจนะของพระองค์ก็จะเกิดผลตามมา การอธิษฐานอดอาหารคือเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่หลงหายอยู่ที่ติดอยู่ กับบ่วงแร้วของมารซาตานและนำเขาออกจากการถูกข่มเหงและนำไปรับการรักษา

การ อธิษฐานอดอาหารเปรียบเสมือนการจุดไฟเผาความคิดที่ไม่ดีการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ อื่น ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ช่วยทำให้เต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการกระทำก็ได้ และสามารถทำให้ผู้อื่นได้รับการเผาความคิดที่ไม่ดีนั้นออกจากร่างกาย ความคิดของเขาด้วย


12. การถืออดอาหารในประวัติศาสตร์ของคริสตจักร

ผู้นำคริสเตียนที่เข้มแข็งคือเป็นคนอธิษฐานอดอาหาร  

ซานโวนารอลา ( Savonarola ) ได้เทศนาในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี หลังจากยุคมืดคริสต์ศตวรรษที่ 14 คำเทศนาของท่านเต็มไปด้วยไฟแห่งการฟื้นฟู และผู้คนเกือบทั้งเมืองกลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์ ชีวิตของท่านเป็นชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยการอดอาหารอธิษฐานแต่ผู้นำใน พระศาสนจักรไม่พอใจท่านในที่สุดท่านได้ถูกประหารชีวิตโดยการเผาทั้งเป็น

มาร์ติน ลูเธอร์ ( Martin Luther ) ที่เยอรมัน ท่านเป็นคริสตชนที่กล้าหาญ ท่านผู้นี้แหละเป็นผู้อดอาหารอธิษฐานประจำ ผลที่ตามมาก็คือการปฏิรูปทางศาสนา ปลดปล่อยคนออกจากการเป็นของพวกนิยมโรมัน  ท่านเป็นผู้พลิกฟื้นจิตวิญญาณทั่วทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาและยิ่งกว่านั้น ท่านนำคนมาให้ความสำคัญกับการอดอาหารอธิษฐาน

จอห์น น๊อกซ์ ( John Knox ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานในประเทศสก๊อตแลนด์จนพระนางแมรี่ย์ผู้ต่อต้าน คริสเตียน กลัวคำอธิษฐานของท่านมากกว่ากลัวกองทัพของพระนางอลิซาเบธของอังกฤษเสียอีก

จอห์น เวสเล่ย์ ( John Wesley ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานตามแบบในพระคัมภีร์

โจนาธาน เอ็ดเวิร์ด ( Johnathan Edwards )จากรัฐ New England เป็นนักฟื้นฟูโดยชีวิตของท่านเป็นอธิษฐานอดอาหาร

ชาลร์ส จี ฟินนี่ (Charles G. Finny) เป็น ผู้ยืนหยัดในความเชื่อของเขาที่มีต่อองค์พระเยซูคริสต์ ด้วยชีวิตที่อดอาหารอย่างเอาจริงเอาจัง เขาอดอาหารอธิษฐานเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน และกล่าวเป็นพยานว่า การกระทำเช่นนี้ทำให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์


13. ใคร….คือคนที่ควรจะถืออดอาหาร

เมื่อ พิจารณาถึงพระคำของพระเจ้าแล้วคนที่รับความรอดผ่านพระเยซูเจ้าทุกคนควรจะถือ อดอาหารไม่จำเป็นที่เราจะต้องเข้าใจถึงพระคำทั้งหมดแล้วค่อยถืออดอาหารแต่ เราสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตของวิญญาณในการอดอาหารอธิษฐานได้อัคร ทูตเปาโลได้แสดงให้เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจนแล้วว่าความหิวกับการถืออด อาหาร ใน 2 โครินธ์ 11:27 จากการถืออดอาหารบ่อยๆ ท่านเปาโลกล่าวว่าเป็นงานรับใช้พระเจ้า

จุดประสงค์ที่สำคัญอีกประการ หนึ่งซึ่งคริสเตียนทุกคนควรจะถืออดอาหารคือเพื่อ ให้มีความเชื่อมั่นในการเชื่อพระเจ้าในพระสัญญาซึ่งสำเร็จสมบูรณ์ของพระองค์


บทสรุป

พระ เยซูตรัสว่า"ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเองและแบกกางเขนตามเรา มา"ลูกา 9:23,24 นี่เป็นการทรงเรียกของพระองค์ง่ายๆนั่นก็คือการถืออดอาหารซึ่งเป็นการเอาชนะ ตนเองในเรื่องฝ่ายเนื้อหนังแต่ผู้ใดชนะตนเองและเนื้อหนังผู้นั้นจะมีชีวิต รอดการถืออดอาหารเป็นการฝึกฝนที่สำคัญฝ่ายจิตวิญญาณที่จะช่วยทำลายตัวเก่า ของคริสเตียนและเป็นทางให้พระเยซูมีชีวิตอยู่ในเราท่านเปาโลกล่าวว่า"แต่ ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือเพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศ ข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้วตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้" 1โครินธ์ 9:27

วิธีหนึ่งที่อัครทูตเปาโลทุบตีร่างกายของท่านและทำให้ เข้มแข็งจนอยู่มือคือการ อธิษฐานอดอาหารบ่อยๆ "บัดนี้ข้าพเจ้าปลื้มปีติในการที่ได้รัยความทุกข์ยากเพื่อท่านส่วนการทน ทุกข์ของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็รับทนจนสำเร็จในเนื้อหนังของข้าพเจ้า เพราะเห็นแก่พระกายของพระคริสต์ คือ “คริสตจักร" โคโลสี 1:24

คริสต ชนทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการอดอาหารอธิษฐานและแสวงหาส่วนลึกของจิตใจ ท่านสามารถเรียกกองทัพของพระเจ้าให้มารวมกันด้วยคำพูด ความจริง และการทูลขอด้วยน้ำตา แล้วจะเห็นผลตามน้ำพระทัยแน่นอน
ที่มา: http://ot-nt.blogspot.com/2010/10/blog-post_4564.html?utm_source=BP_recent

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ