---------- จดหมายที่ถูกส่งต่อ ----------
จาก:
ข่าวคริสตชน <kaochristian.editor@gmail.com> วันที่: 19 มีนาคม 2554, 10:59
หัวเรื่อง:
www.KaoChristian.com พิธีกรรมไล่ผี มีอยู่ทั่วโลก
ถึง: "ส่งข่าว
christianthai@googlegroups.com" <
christianthai@googlegroups.com>
พิธีกรรมไล่ผี มีอยู่ทั่วโลก
แต่ถ้าพูดกันถึงผีจริงๆ ต้องขอพาออกนอกประเทศกันหน่อยค่ะ
คราวนี้พาท่านผู้อ่านไปที่ประเทศเฮติ ซึ่งจะว่าไปแล้วระยะหลังๆนี้
เฮติก็เกิดเรื่องราวมากมายนะคะ ไหนจะธรณีพิโรธ ตามมาด้วยโรคระบาด
โดยเฉพาะอหิวาตกโรคที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกันมากในหลักหลายพันคน
และป่วยอีกหลายหมื่น
ก็เลยเกิดเป็นข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่ชาวบ้านตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ว่า ไอ้โรคร้ายทั้งหลายนี่แหละ เกิดมาจากผี หรือถ้าไม่ใช่ผีจริงๆ
ก็ต้องเป็นหมอผีที่ทำพิธีมนตร์ดำแบบวูดู และด้วยความเชื่อนี้
ก็เลยเกิดการล่าผี รวมถึงล่าหมอผีกัน เพื่อหวังจะขจัดโรคร้าย
จนเกิดการฆ่ากันตายไปหลายศพ เรียกว่าหากมองหน้าแล้วคิดว่าใครเลี้ยงผี
ก็ไม่พูดพรํ่าทำเพลงกันล่ะค่ะ จัดการไล่ผีซะ
ด้วยการฆ่ามันเสียก่อนที่มันจะฆ่าเรา ก็เลยกลายเป็นปัญหาที่รัฐบาลกุมขมับ
จากเรื่องที่เกิดในเฮติ หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นประเทศไม่เจริญ
ก็เลยเชื่อเรื่องผีๆสางๆกันง่ายๆ
แต่ประเทศที่เจริญแล้วก็ไม่ใช่ย่อยหรอกค่ะ ในสหรัฐอเมริกาเอง
ก็มีคนเชื่อเรื่องผี และมีกลุ่มนักไล่ผีที่ทำงานกันเป็นอาชีพทีเดียว
การไล่ผีของพวกฝรั่ง มักจะอาศัยคัมภีร์ไบเบิล ไม้กางเขน
และคำสวดมนต์เป็นหลัก หรือบางทีก็อาจมีน้ำมนต์เข้ามาช่วยด้วย
เวลาที่ฝรั่งเจอผี บางคนที่เชื่อมั่นในนักบวช
ก็จะเรียนเชิญพระสงฆ์มาช่วยทำพิธีให้ แต่คนที่ไม่ค่อยไว้ใจพระ
ก็ไปจ้างผู้ประกอบการที่เปิดบริษัทไล่ล่าผีมาจัดการ
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะว่า
หนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของบริษัทจัดการผีก็คือ นักร้องชื่อดังแห่งยุค
เลดี้ กาก้า ที่เชื่อว่ามีวิญญาณคอยตามรังควานเธอ
สาวเจ้าก็เลยจ้างคนมาคอยไล่ผีในทุกๆที่ที่เธอเดินทางไป เรียกว่า
ถ้าเป็นซุปเปอร์สตาร์ หรือคนสำคัญคนอื่นๆ
ก่อนจะไปไหนต้องส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยไปดูสถานที่ล่วงหน้า
แต่ถ้าเป็นเลดี้ กาก้า หน่วยที่ต้องไปตั้งหลักก่อนคือหน่วยไล่ผีค่ะ
หน่วยไล่ผีของเลดี้ กาก้า นอกจากจะทำการสวดมนต์
หรือทำอะไรในแบบดั้งเดิมต่างๆแล้ว ยังใช้ วิทยาศาสตร์เข้าช่วยด้วย
โดยมีการใช้เครื่องตรวจจับวิญญาณด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หรือเครื่องมือแบบอื่นๆมาช่วย ก็ไม่รู้ว่างานนี้เลดี้ กาก้า
จะปลอดภัยจากผีที่คอยตามหลอกหลอนเธอได้จริงๆ
หรือว่าจะถูกหลอกเพราะคนที่มาช่วยไล่ผีกันแน่ ก็คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป
แต่ นอกจากผีที่มาตามหลอกหลอนแล้ว ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ ผีสิง
หรือผีเข้า ซึ่งถ้าเป็นในบ้านเรา ก็เห็นกันบ่อยๆ บางคนก็บอกว่าของจริง
แต่คนที่ไม่เชื่อก็บอกว่า อุปาทาน
ก็ต้องแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ เรื่องแบบนี้จะเชื่อหรือไม่
ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน ส่วนด้านโลกตะวันตก ก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
ฝรั่งเองก็มีเรื่องราวในทำนองคนถูกผีเข้า ผีสิงกันเยอะเหมือนกัน
ทำให้บาทหลวงในหลายๆพื้นที่
โดยเฉพาะแถบชนบทจะต้องออกโรงไปช่วยไล่ผีกันบ่อยๆ
แต่ก็อย่างที่บอกแหละค่ะว่า พิธีไล่ผีของฝรั่งมักจะไม่ค่อยตื่นเต้นมาก
เพราะอุปกรณ์ไม่เยอะ
แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่การไล่ผีเกิดเป็นเรื่อง รุนแรง เช่น
มีการกักขังคนที่ถูกผีเข้า การเฆี่ยนตี ซึ่งบางครั้ง
บทสรุปก็ไปจบลงที่โรงพยาบาลโรคจิต กลายเป็นเรื่องน่าสงสารไป
รวมไปถึงบางกรณีที่รุนแรงถึงตาย
และบาทหลวงหลายท่านถูกดำเนินคดีในฐานฆาตกรรม ซึ่งบางท่านก็แก้ต่างไม่หลุด
แต่ก็มีบางท่าน
ที่แม้สำนักสงฆ์ระดับสูงยังออกมารับรองว่าไม่ใช่ฆาตกง...ฆาตกรรมอะไรกันหรอก
แต่เหยื่อที่เสียชีวิตเป็นเพราะถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง
และบาทหลวงท่านเอาไม่อยู่ต่างหาก
สำหรับกรณีการไล่ผีที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเรื่องโด่งดังที่สุดในโลก
เห็นทีจะเป็นชีวิตจริงของอันเนลีส มิเชล (Anneliese Michel)
สาวน้อยชาวเยอรมันผู้เคร่งในศาสนา แต่ต่อมาเธอก็มีอาการเหมือนถูกผีสิง
จนต้องอัญเชิญบาทหลวง 2 ท่านมาช่วยทำพิธีให้
แต่ระหว่างการไล่ผีที่เกิดขึ้นหลายสิบครั้ง เธอก็ทนไม่ไหว
ตายจากไปเสียก่อนในตอนที่อายุเพียง 23 ปี
และได้เปลี่ยนจากเด็กสาวหน้าตาสะสวย เป็นหน้าตาสยดสยอง
กลายเป็นเรื่องครึกโครม และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Exorcism
of Emily Rose ซึ่งในภาพยนตร์ ได้เปลี่ยนชื่อตัวเอกของเรื่องเสียใหม่
ทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดไปเหมือนกันว่า Emily Rose เป็นชื่อจริงของเธอ
หมุนโลกไปอีกด้าน ทางฟากกาฬทวีป มีรายงานจากองค์การสหประชาชาติว่า
ในแอฟริกันนั้น มีคนเชื่อเรื่องผีสางอยู่มากทีเดียว และแม้โลกจะพัฒนาขึ้น
แต่ความเชื่อเรื่องผีของคนแอฟริกันก็ไม่ลดลง แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และคนที่ถูกอ้างว่าผีเข้ามักจะเป็นเด็กที่มีปัญหา เช่น เด็กพิการ
เด็กเร่ร่อน ซึ่งพอถูกจับได้
ก็จะมีการนำหมอผีมาไล่ผีด้วยวิธีการน่าตกใจทีเดียว เช่น
กรอกน้ำมันปลุกเสกเข้าไปในลูกตา หรือหูของเด็ก
รวมถึงการบังคับให้กินของปลุกเสกแปลกๆเพื่อไล่ผี ไล่ความชั่วในตัวออกไป
ซึ่งไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า สามารถไล่ผีได้จริงหรือไม่
แต่ในมุมมองของฝรั่งก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ และเป็นการทำร้ายกัน
แต่ก็คงต้องยอมรับด้วยว่า ความเชื่อ
และวัฒนธรรมของแต่ละสถานที่ก็ย่อมแตกต่างกันไปตามความเชื่อที่สืบเนื่องกัน
มานาน อาจจะเป็นศตวรรษ หรือสหัสวรรษ
ที่ว่านานขนาดนั้นก็เพราะมีหลักฐานที่สามารถย้อนไปไกลได้ถึงยุคสุเม
เรียนอันเก่าแก่เลยทีเดียวค่ะ อันว่าชาวสุเมเรียนนี้เก่าขนาดที่ว่า
เป็นพวกแรกๆที่ตั้งถิ่นฐานอยู่แถวๆเมโสโปเตเมีย เมื่อ 4,000 ปีก่อน
คริสตกาลเลยทีเดียวนะคะ ชนกลุ่มนี้มีอารยธรรมสูงค่ะ
สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้มากมาย ทั้งวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฯลฯ
จนบางคนบอกว่า พวกเขาได้ความรู้ต่างๆมาจากผู้ส่งสารผ่านดาวอันไกลโพ้นนู่น...
แต่ เก่งแค่ไหน ชาวสุเมเรียนก็ "ตาขาว" เหมือนเราๆนี่แหละค่ะ คือกลัวผี
ดังนั้น ในขณะที่เหล่านักคิด นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาเทคโนโลยี
และถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ในอีกด้านหนึ่ง
ก็มีนักบวชที่ต้องศึกษาเรื่องการไล่ผีอย่างจริงจัง
และมีชาวบ้านจำนวนมากทีเดียว
ที่มาขอร้องเหล่านักบวชให้ช่วยไปปราบผีให้หน่อย
โดยเฉพาะผีที่ชอบมาสิงสู่ผู้คน ซึ่งชาวสุเมเรียนเชื่อว่า คนที่อ่อนแอนั้น
ผีจะเข้าสิงได้ง่าย เวลาใครเจ็บป่วย หรือมีอาการผิดประหลาดไป
ก็เลยต้องตามนักบวชมาจัดการ ซึ่งนักบวชสุเมเรียนก็ใช้วิธีง่ายๆค่ะ
คือสวดมนต์ไล่ผี และมีหลักฐานสืบต่อมาจนปัจจุบันว่า มีคาถาไล่ผีอยู่
หลายบทที่นักบวชสุเมเรียนต้องท่องให้ได้ เพื่อช่วยขจัดผีร้ายให้ประชาชน
เห็น ไหมละคะ เรื่องแบบนี้มีมานานหลายพันปีแล้ว
และน่าจะมีอยู่ต่อไปอีกหลายพันปี
หากคนเราไม่ขนเอาอาวุธนิวเคลียร์มาล้างโลกกันเสียก่อน "คาถาไล่ผี"
ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น และถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่น
วัฒนธรรมสู่อารยธรรมกันต่อไป แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยก็เถอะ
ด้าน วาติกันเอง แม้ว่าบาทหลวงในคริสต์ศาสนา ส่วนใหญ่จะใช้บทสวดจากไบเบิล
แต่ก็มีบทสวดมากมาย จนเมื่อ ค.ศ.1998
ก็ได้มีการสังคายนาคาถาไล่ผีอย่างเป็นทางการ
โดยเฉพาะกับตำราปราบผีชื่อดังเล่มหนึ่งคือ De Exorcismis et
Supplicationibus Quibusdam หรือการสวดเพื่อไล่ผี บทสวดยาว 84 หน้า
ที่บาทหลวงจำนวนมากใช้เป็น "อาวุธ" หนักในการปราบผี
และยังมีการแต่งตั้งบาทหลวงผู้มีหน้าที่ไล่ผีอย่างเป็นทางการ
ซึ่งได้ออกสืบสวนกรณีผีสิงต่างๆ และประกาศว่า หลายเรื่องเป็นเรื่องจริง
ไม่เพียงเท่านั้น คนสำคัญที่สุดของวาติกัน คือ
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เอง ก็มีรายงานว่า
พระองค์ให้ความสำคัญกับกิจกรรมไล่ผีของบาทหลวงต่างๆมาก
ส่วนพระสันตะปาปาพระองค์ก่อน คือ จอห์น ปอลที่ 2 นั้น ก็มีรายงานว่า
พระองค์เคยช่วยทำพิธีไล่ผีให้ผู้ที่มาร้องขอด้วย
แต่เป็นการกระทำแบบลับๆ<br /><br />ส่วน
ที่เปิดเผยอย่างชัดแจ้งเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
คือเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าวในสหรัฐอเมริกาว่า
รายงานหลวงพ่อโธมัส ปาปรอกคิ (Thomas Paprocki)
บาทหลวงระดับบิชอปแห่งบัลติมอร์ได้รวบรวมพระในนิกายคาทอลิกมาร่วมกันศึกษา
และสอนวิธีไล่ผีกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะในระยะหลังนี้
แม้วิทยาการจะมากขึ้น แต่ความ
ต้องการของอเมริกันชนในการอัญเชิญบาทหลวงไปช่วยไล่ผีก็มีมากขึ้นเป็นเงาตาม
ตัวอย่างไม่น่าเชื่อ<
<p><br />ส่วนท่านผู้อ่านที่อยากรู้ว่า ฝรั่งเขาไล่ผีกันอย่างไร
เหมือนหมอผีของไทยหรือเปล่า หรือว่าจะ โหดกว่านั้น
ตอนนี้มีหนังดีวีดีสยองขวัญเรื่อง The Last Exorcism หรือ "นรกเฮี้ยน"
ซึ่งในเนื้อเรื่องมีทั้งการถูกผีเข้า และพิธีกรรมการไล่ผี
ให้ผู้ชมได้เห็นว่าผีฝรั่งเขาปราบกันอย่างนี้นี่เอง
ทีมงาน ต่วย'ตูน
ไทยรัฐออนไลน์โดย ทีมงานต่วย'ตูน
23 มกราคม 2554,
http://www.thairath.co.th/content/life/153658 --
เรื่องใดเนื้อความถูกตัดไปก่อนจบสมบูรณ์ อ่านต่อได้โดยคลิกที่หัวข้อข่าวนั้น
ดูข้อมูลอีกมากมายที่ "ข่าวคริสตชน"
www.KaoChristian.comศูนย์ข่าวแวดวงคริสตชนทุกคณะนิกาย เสรี
ขณะนี้ยอดสมาชิกรับข่าวรายวัน 8,950 คน / Facebook 5,000 คน
*ส่งข่าว/บทความ/คำติชม มาที่กองบรรณาธิการ
kaochristian.editor@gmail.com (ดูรายละเอียดของวิธีส่งข้อมูล: คลิก
http://groups.google.com/group/christianthai?hl=en)
*สมัครรับข่าวให้ตนเองและผู้อื่น / ยกเลิกข่าว โดยแจ้ง email เหล่านั้นมาที่ email นี้เช่นกัน
*เฟซบุ๊ค:
facebook.com/kaochristianข่าวคริสตชนเป็นเวทีเสรีและเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น
จึงไม่อาจรับผิดชอบต่อความคิดเห็นใด ๆ ของท่านสมาชิก
โปรดสนับสนุนข่าวคริสตชนด้วยการถวายหรือโฆษณา
เพื่อให้สามารถรับใช้ท่านต่อไปได้ (ดูรายละเอียดที่
www.KaoChristian.com )
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนด้วยการถวายและโฆษณาทุกท่าน