หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

คดีฟ้องเกี่ยวกับ ไม้กางเขน

22 MARCH 2011

ฟาติมาสาร - ในที่สุด ศาลก็สั่งให้ยุโรปแขวนไม้กางเขนได้!! (27 มีนาคม 2011)
Posted by editor@popereport.com on 23:24


ใจจริงแล้ว ผมอยากตั้งชื่อบทความวันนี้ว่า
"ประตูนรกไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้" แต่กลัวว่า
แฟนขาจรที่อ่านชื่อบทความก่อน (ถ้าชื่อน่าสนใจ ค่อยอ่านเนื้อหา)
อาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผมต้องการจะสื่อในวันนี้


หากยังจำได้ ผมเคยเล่าไปหลายครั้งว่า ตอนนี้
ทวีปยุโรปกำลังมีประเด็นคาราคาซังเกี่ยวกับ "ไม้กางเขน"
เรื่องมันมีอยูว่า ค.ศ.2009 "ซอยเล่ ลาอุตซี่" คุณแม่ชาวฟินแลนด์
(แต่แต่งงานกับหนุ่มอิตาเลี่ยน) ได้ส่งลูกน้อย 2
คนเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้ๆกับเมืองเวเนเซีย (เวนิส)
ประเทศอิตาลี ผมไม่แน่ใจว่า โรงเรียนดังกล่าว
บริหารงานโดยบุคลากรของพระศาสนจักรหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ
โรงเรียนแห่งนี้แขวนไม้กางเขนไว้ทุกห้องเรียน
ซึ่งมันสร้างความไม่พอใจและเดือดดาลแบบสุดๆให้กับคุณแม่ลูกสองคนนี้เป็นอย่างมาก

เหตุผลที่ทำให้คุณแม่คนนี้ไม่พอใจและไปต่อว่าผู้อำนวยการโรงเรียนก็คือ
"ฉันและลูกๆ ไม่เชื่อพระเจ้า พวกเราไม่นับถือศาสนาใดๆ
การที่โรงเรียนแขวนไม้กางเขนตามห้องเรียนซึ่งลูกของฉันต้องเข้าไปนั่งในนั้นทุกวัน
มันไม่ต่างไปจากการยัดเยียดและละเมิดสิทธิของคนที่ไม่นับถือศาสนา
รู้ไว้ด้วยว่า ไม้กางเขนกำลังทำลายเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้ที่ไม่นับถือศาสนาชัดๆ"

แม้จะเจอคำต่อว่าเข้าไป ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ตั้งสติและปฏิเสธไปว่า
"เป็นไปไม่ได้ที่เราจะนำไม้กางเขนออกจากฝาผนังห้องเรียน จริงอยู่
การแขวนไม้กางเขนบนฝาผนังไม่ใช่ข้อบังคับในอิตาลี
แต่มันเป็นจารีตประเพณีที่พวกเราทำกันด้วยความเต็มใจและทำมาช้านาน"

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ลูกสองคนนี้ก็ไม่ท้อ
เธอเดินหน้าฟ้องศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปที่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
หลังจากเธอยื่นคำร้องแล้ว มีรายงานข่าวว่า ศาลค่อนข้างอึ้งกับกรณีแบบนี้
มันเป็นคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุโรป
เนื่องจากยุโรปเป็นทวีปที่เติบโตมาจากประวัติศาสตร์คริสตศาสนา คนยุโรป 99
เปอร์เซ็นต์ "ภูมิใจสุดๆ" กับประวัติศาสตร์ของตน
พวกเขาจะเย้ยคนอเมริกันว่า
เป็นพวกไม่มีประวัติศาสตร์และไม่มีรากเหง้าวัฒนธรรม (ดูง่ายๆ
เราไม่ค่อยเห็นคนยุโรปโอนสัญชาติ เพราะเขาภูมิใจกับชาติของตน)
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ศาลงงก็คือ ไม้กางเขนไม่ได้ทำอะไรผิด ตรงกันข้าม
ไม้กางเขนสอนให้มนุษย์รู้จักรักและให้อภัย (การต่อสู้ในชั้นศาลครั้งนี้
"ซอยเล่ ลาอุตซี่" เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส่วนคนที่เป็นจำเลยคือรัฐบาลอิตาลี)

ปี 2010 ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปได้ทำการตัดสินคดีดังกล่าว ปรากฏว่า "ซอยเล่
ลาอุตซี่" เป็นฝ่ายชนะ เท่ากับว่า จากนี้ไป
ไม้กางเขนจะเป็นสิ่งต้องห้ามในสถานที่สาธารณะทุกแห่งของอิตาลี อาทิ
โรงเรียน, โรงพยาบาล และสถานที่ราชการทุกแห่ง ผลจากการตัดสินครั้งนั้น
ได้สร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ให้กับวาติกันและพระสันตะปาปาเป็นอย่างมาก
ผมจำได้เลยว่า พระสันตะปาปาเคยออกมาประณามเรื่องนี้
โดยพระองค์ย้อนถามไปว่า "พระเยซูผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ทำผิดอะไร
ทำไมสังคมต้องจ้องทำลายพระองค์ถึงเพียงนี้"

วันเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2011
รัฐบาลอิตาลีได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปอีกครั้ง ปรากฏว่า
คราวนี้ ทุกอย่างพลิก!
ศาลพิพากษาให้ไม้กางเขนเป็นสิ่งถูกกฏหมายในที่สาธารณะของอิตาลี (มติ 15
ต่อ 2)

ครั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า "หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
ศาลไม่พบว่า ไม้กางเขนที่ถูกแขวนไว้บนผนังห้องเรียน
จะชี้นำนักเรียนให้มาเป็นคาทอลิก ศาลไม่พบว่า
ไม้กางเขนจะไปทำร้ายสิทธิเสรีภาพของผู้ไม่นับถือศาสนาใดๆ"

เมื่อการพิพากษาออกมาแบบนี้ ครอบครัวลาอุตซี่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
"พวกเราผิดหวังที่ศาลไม่เคารพสิทธิเสรีภาพและหลักการของสังคมอิตาเลี่ยน"
(แต่ผมว่า สังคมอิตาเลี่ยน
ได้รับการหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมคาทอลิกมาหลายศตวรรษไม่ใช่หรือ)

ทางด้าน "ฟรังโก้ ฟรัตตินี่" รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี
ซึ่งขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ไม้กางเขน
ก็ให้สัมภาษณ์ด้วยความยินดีว่า
"นี่คือการตัดสินที่ตั้งอยู่บนสิทธิของพลเมืองอิตาเลี่ยนที่จะปกป้องค่านิยมและเอกลักษณ์ของชาติตัวเอง"

ขณะที่ "คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้" ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน
ก็กล่าวเรื่องนี้ด้วยยินดีว่า
"นี่คือผลการตัดสินที่สำคัญและมีความหมายมากๆต่อประวัติศาสตร์ยุโรป
นี่เป็นคดีที่ยาก
แต่ศาลได้ช่วยปกป้องประวัติศาสตร์ยุโรปซึ่งก่อร่างสร้างตัวจากคริสตศาสนาให้ดำรงสืบไป
เมื่อใดก็ตามที่ยุโรปถูกสั่งห้ามแขวนไม้กางเขน
เมื่อนั้นยุโรปก็สูญเสียเอกลักษณ์แท้จริงของตัวเองไปแล้ว"

เป็นอันว่า ไม้กางเขนไม่ใช่ "ของต้องห้าม" ในสังคมอิตาเลี่ยนอีกต่อไป
กรณีที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์พยายามแสวงหาเสรีภาพแบบเกินเหตุ
บางที ข้ออ้างที่บอกว่า ไม้กางเขนทำลายเสรีภาพของคนไม่นับถือศาสนา
จัดเป็นข้ออ้างที่ไร้น้ำหนักและไร้เหตุผลมากๆ
ไม้กางเขนเป็นเครื่องเตือนใจให้คนทำดีและให้อภัย
ไม่ใช่เครื่องปลุกปั่นให้คนต้องมาสู้รบกัน ดังนั้น
มองไม่เห็นเหตุผลเลยว่า ทำไมเราต้องพยายามกำจัดไม้กางเขนกันขนาดนี้

การพยายามกำจัดไม้กางเขนออกจากสังคม (หรือทำให้กลายเป็นส่วนเกินของสังคม)
กำลังเป็นประเด็นร้อนในทวีปยุโรป นอกจากอิตาลี ก็มี สเปน
ที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นสั่งห้ามไม่ให้แขวนไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน
เพราะละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนที่ไม่ใช่คริสตชน
เรื่องแบบนี้จัดเป็นกรณีที่น่าสนใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
มันจะไม่เกิดกับเมืองไทยของเราก็แล้วกัน (แต่ถ้าเกิด
ก็ลองใช้เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นกรณีศึกษาก็ได้)

--
นอกจากผมจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์แล้ว ผมยังทำกิจกรรมพิเศษ คืออธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วยที่รักษายาก หรือเป็นๆ หายๆ อาการหนักไหล่ หนักหลัง ปวดทุกชนิด ขับวิญญาณ ช่วยปลดปล่อยคนออกจากความกลัว อาการทางจิตที่ติดตัว อาการถูกวิญญาณรบกวน สิ่งเหล่านี้ฟังดูเหมือนกับการโกหก หากท่านสนใจเรื่องนี้ลองอ่านบันทึกกิจกรรม และความคิดเห็น ประสบการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ 

My ministry is to help people who are suffering from serious sickness, incurable diseases and many other problems caused by unseen unknown causes, or powers. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ